มองจากด้านของพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป สูตรคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ กกต.นำมาใช้

เป็นผลดีและมีส่วนช่วยเป็นอย่างดีต่อการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ

เพราะทำให้จำนวนของฝ่ายพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึงกว่า 10 ที่นั่ง

ขณะเดียวกัน จำนวนของฝ่ายพรรคพลังประชารัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคขนาดเล็กกว่า 10 พรรคก็เข้ามาแทนที่ และทำให้การโน้มน้าวจูงใจเข้าไปใกล้จำนวนเกิน 250 เสียงมากยิ่งขึ้น

หากผนวกรวมกับ 250 ส.ว.ก็ราบรื่นเหมือนยืนอยู่บนเนินเขา

กระนั้น หากติดตามข่าวการเจรจาของพรรคพลังประชารัฐ ต่อแต่ละพรรคอันเป็นเป้าหมายก็จะมองเห็นรูปธรรมแห่งระบบโควต้าเด่นชัดมากยิ่งขึ้น

เพียงภายในพรรคพลังประชารัฐก็มีถึง 4 กลุ่มใหญ่ๆ

1 กลุ่มคสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยึดครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี กระทรวงสำคัญ อย่างกลาโหม มหาดไทย คมนาคม

1 กลุ่ม 4 รัฐมนตรีที่มีเป้าหมายอยู่กระทรวงเศรษฐกิจ

1 กลุ่มสามมิตรอันได้แก่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

1 กลุ่มที่ใช้ “พลังดูด”เข้ามาซึ่งกระจายไปตามภูมิภาค

หากดึงพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา เข้ามาก็จะต้องแบ่งสันปันส่วนให้กับแต่ละพรรคอย่างเหมาะสม

ยิ่งกว่านั้น ยังจำเป็นต้องสนใจกับข้อต่อรองอันมาจาก 10 ส.ส.จาก 10 พรรคการเมืองขนาดเล็ก

หากมองตามความเป็นจริงการฟอร์มรัฐบาลก็ไม่ง่ายดายนัก

อย่าได้แปลกใจหากพรรคอันถือว่าตนเองดำรงอยู่ในลักษณะอันเป็น “ตัวแปร” ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา หรือกระทั่งพรรคชาติพัฒนา จึงยังไม่เปิดเผยท่าที

ยังสามารถที่จะเลือกไปทางด้านพรรคพลังประชารัฐ พอๆกับที่จะเลือกไปทางด้านพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่

เผลอๆ จนถึงปลายเดือนพฤษภาคมนั่นแหละจึงจะตัดสินใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน