ปิดที่ท่องเที่ยว
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
ปิดที่ท่องเที่ยว – ประกาศของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ปิดการท่องเที่ยวและพักแรมในเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวเอง เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน สภาพอากาศแปรปรวน จะมีฝนตกชุก และอาจมีน้ำป่าไหลหลาก
อุทยานชื่อดังหลายแห่ง อาทิ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ–ปุย อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า–หมู่เกาะเสม็ด อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ฯลฯ ล้วนเป็นแหล่งรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งไทยและต่างชาติ
การปิดดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. และมีผลบังคับใช้ไปยาวนานต่างกัน เช่น ถึงเดือนกันยายน หรือเดือนตุลาคม และบ้างที่มีผลไปถึงต้นปีหน้า
ด้วยเหตุสำคัญคือให้ธรรมชาติได้พักและฟื้นฟู ช่วยการสร้างสมดุลระหว่างรายได้ทางเศรษฐกิจกับการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม
การปิดพื้นที่ท่องเที่ยวเป็นแนวทางการบรรเทาปัญหาที่ใช้กันทั่วโลก
โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการท่องเที่ยว ไม่อาจรองรับทั้งคนและขยะจากนักท่องเที่ยวได้
กรณีกรมอุทยานฯ ตัดสินใจปิดอ่าวมาหยาต่อไปอีก 2 ปี จนถึงกลางปี 2564 เป็นไปตามเหตุผลนี้เช่นเดียวกัน หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากหลักร้อยจนสูงถึง 4,000 คนต่อวัน จนธรรมชาติเสื่อมโทรม ทั้งชายหาด ปะการังและสัตว์ทะเล ถูกรุกรานด้วยขยะพลาสติก
การขยายเวลาปิดอ่าวก็เพื่อให้ระบบนิเวศฟื้นฟู ส่วนเจ้าหน้าที่จะได้มีเวลาวางแผนจัดระเบียบการดูแลท่องเที่ยวและวางมาตรการบรรเทาผลกระทบ
แม้ว่ารายได้จากการท่องเที่ยวคือเส้นเลือดสำคัญเส้นหนึ่งของประเทศ โดยเฉพาะเมื่อการส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบหนักขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจัยภายนอก
แต่เรื่องที่ต้องคำนึงถึงด้วยคือผลกระทบทางธรรมชาติ อาจกลายเป็นรายจ่ายมูลค่ามหาศาล และบางส่วนอาจฟื้นคืนกลับมาไม่ได้
การปิดแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานฯ จึงทำให้หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าการฟื้นตัวของธรรมชาตินั้นสำคัญกว่าเพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นไปได้อย่างยั่งยืน
นอกเหนือจากการปิดสถานที่แล้ว การสร้างความร่วมมือและรับฟังความเห็นของชาวบ้านในท้องถิ่นน่าจะช่วยให้การรักษาแหล่งท่องเที่ยวมีประสิทธิภาพมากขึ้น