สืบสานพฤษภาประชาคม

สืบสานพฤษภาประชาคม – หมายเหตุ : มูลนิธีพฤษภาประชาธรรมและคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดกิจกรรมรำลึก 27 ปี พฤษภาประชาคม เวทีเสวนาสาธารณะ หัวข้อ “การเมืองใหม่กับการสืบสาน เจตนารมณ์พฤษภาประชาคม” โดยมี นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต นายจตุพร พรหมพันธ์ุ ประธานนปช. ร่วมเสวนา เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่รร.รัตนโกสินทร์

จตุพร พรหมพันธุ์

ในวิกฤตครั้งนี้มีโอกาสดี ถ้าประชาธิปไตยรู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน อีกไม่นานหวานจะได้กิน ตอนนี้ดัชนีทางการเมืองทางสองฝ่ายเหมือนถูกล็อก ไม่ว่าจะเลือกอย่างไรก็ได้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. เป็นนายกฯอีก ต่อให้พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา มารวมกับพรรคอนาคตใหม่ที่ประกาศเป็นแกนนำ ก็ไม่ถึง 376 เสียง

ในทางปฏิบัติทางการเมืองน่าสนใจ ขนาดส.ส.ห่างกัน 50 เสียงสภายังล่ม แล้วถ้ารอบนี้ห่าง 3 เสียง จะล่มวันไหนก็ได้ สภาแทบไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ แต่มีความพยายามจะโกงความตาย นี่เป็นบทเรียนสำคัญของประเทศไทย

การนับคะแนนบัญชีรายชื่อไม่ใช่ไม่รู้จะนับอย่างไร มีวิธีนับอยู่แล้ว แต่ขอดูคะแนนก่อน พอรู้ขาดกี่เสียงก็ค่อยนับ นับแบบไหนชนะก็นับแบบนั้น

ในสภาเสียงปริ่มแบบนี้เอากันอยู่หมัด ไม่ต้องถึงมือพวกตน จากนั้นต้องสร้างบทเรียนประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น ต้องขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการเดินต่อ เพราะเป็นโอกาสของคนไทยที่จะตรวจสอบในสภาย้อนหลัง 5 ปี

วันที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอีก คือวันที่ทุกคนรอ วันนั้นพล.อ.ประยุทธ์จะตัวเท่ากับส.ส.รังสิมันต์ โรม จะเรียกปรับทัศนคติไม่ได้ นี่คือสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยเจอ ภาวนาว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเปลี่ยนใจ เสียดายไม่มีโอกาสในสภา

ความสำคัญวันนี้คือจะพาประเทศกลับสู่ประชาธิปไตยอย่างไร รัฐธรรมนูญหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็แก้ไม่ได้ ล็อกซ้ายล็อกขวา ต้องไขกุญแจ 3 ดอก ต้องมีเสียงฝ่ายค้าน 20 เปอร์เซ็นต์ ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 คน

รัฐธรรมนูญเขียนให้เกิดปัญหาแต่แก้ไขอะไรไม่ได้ เมื่อปี 2535 แก้ไขยากสุดคือ ให้นายกฯมาจากการเลือกตั้ง ประธานรัฐสภามาจากประธานสภาผู้แทนราษฎร วันเดียวแก้ได้เลย

ปาฏิหาริย์ของประชาชนเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรสังคมไทยจะได้ซึมซับบทเรียนพร้อมกัน เชื่อว่าฟ้าหลังฝนจะมีอะไรบังเกิดชนิดที่คาดไม่ถึงเสมอ แต่เราต้องอดทน พยายามประคับประคองเดินให้เป็น ประชาชนมอบเสียงให้ส.ส.แล้ว ภาคประชาชนก็คอยส่งเสริม นักการเมืองใหม่น่ากลัวกว่านักการเมืองเก่า การเข้าถึงข้อมูลผ่านเทคโนโลยีไม่ซับซ้อนแบบที่ผ่านมา จะเอาชนะกับดักที่วางไว้ได้

ชวลิต วิชยสุทธิ์

หากจะปลดล็อกการเมืองไทย ส.ว.แต่งตั้งควรงดออกเสียง หรือออกเสียงตามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ที่เลือกส.ส.เข้ามา แต่จะหวังได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร โจทย์คือจะทำอย่างไรให้หยุดการสืบทอดอำนาจ ฝ่ายประชาธิปไตยจะรวมกันอย่างไรทั้งที่ในอดีตเคยมีข้อผิดข้องหมองใจ ลืมหรือถอยหลังสิ่งที่เป็นปัญหาต่อกัน เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อได้

พรรคการเมืองต้องฟังเสียงคนส่วนใหญ่ ตอนนี้ต้อง เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ได้ก่อน อย่าเพิ่งนึกถึง นายกฯ

 

อนุสรณ์ ธรรมใจ

แม้จะมีการรัฐประหาร 2 ครั้งหลังพฤษภา 2535 ที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นอีกแล้วก็ตาม แต่ในวิกฤตก็มีโอกาสที่จะทำให้พลังประชาชน และระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็งมากขึ้น สถานการณ์ตอนนี้คล้ายกับตอนนั้นแต่ไม่ทั้งหมด กำลังมีความพยายามสืบทอดอำนาจของคสช.เหมือนรสช.

ความต่างคือ คณะรัฐประหารยุคหลังเรียนรู้วางแผนการสืบทอดอำนาจให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้นด้วยกลวิธีต่างๆ เช่น การออกแบบกลไกและระบบการเมืองในรัฐธรรมนูญเกื้อหนุนการสืบทอดอำนาจอย่างเต็มที่ แล้วทำให้ฝ่ายต่อต้านอ่อนแอลงอย่างชัดเจน

ตอนนี้เขากำลังจะบอกว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่ก็เป็นการเลือกตั้งที่ถูกสงสัยว่ามีความเสรีและเป็นธรรมหรือไม่ มีการบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชน ซึ่งบทเรียนของพฤษภา 35 นั้น หากฝ่ายอำนาจรัฐปราบปรามก็จะเกิดความสูญเสีย ภาคประชาชนต้องเรียนรู้กลยุทธ์การต่อสู้เพื่อหลีกเลี่ยงการ นองเลือด

ปี 2535 ฝ่ายสืบทอดอำนาจพรรรคมารมีเสียงมากกว่าพรรคเทพพยายามตั้งรัฐบาล ให้นายกฯไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งภาคประชาชนตอนนั้นเข้มแข็งมาก การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดจากรัฐสภา

คราวนี้หากมองแง่ดี ฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง มีส.ส.มากกว่าชัดเจน เมื่อเป็นเช่นนี้สิ่งที่เราคาดหวังคือส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งจะยึดหลักการประชาธิปไตย ทำตามความต้องการของประชาชน ด้วยการปิดสวิตช์ส.ว.ให้มาทำตาม เจตนารมณ์ของส.ส. หรือไม่ก็งดออกเสียง

แต่การจะทำสิ่งนี้อาศัยแค่ส.ส.ไม่ได้ ต้องอาศัยกระแสประชาชนและสังคม ที่ต้องร่วมกดดันไปยังส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งให้หาทางออกให้บ้านเมือง ด้วยการทำตามเจตนารมณ์ส.ส.

สิ่งที่คาดหวังวันนี้คือเราอยากให้ส.ว.ที่คสช.แต่งตั้ง นึกถึงความสงบสุขและทางออกของบ้านเมืองด้วยการเลือกนายกฯตามเจตนารมยณ์ของประชาชน เลือกนายกฯตามเสียงข้างมากของส.ส. ฝ่ายประชาธิปไตยต้องพยายามจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ให้ได้

มิเช่นนั้นโอกาสแก้รัฐธรรมนูญที่มีปัญหาไม่เป็นประชาธิปไตยไม่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งการปฏิรูปศาล การปฏิรูปกองทัพ เพราะคสช.ที่ใส่เสื้อคลุมประชาธิปไตยไม่คิดจะอยู่สั้น เขาจะหาทางอยู่ยาว วันนี้เป็นเพียงเผด็จการกึ่งอำนาจนิยมที่ต้องการย้อนยุคจอมพลถนอม พล.อ.เกรียงศักดิ์ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นแล้วในศตวรรษที่ 21

รังสิมันต์ โรม

หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬมีอีกหลายเหตุการณ์ที่มีความสูญเสีญ และไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร หมายควมว่าเราอาจยังไม่เรียนรู้ความบอบช้ำจากการสู้กันของคนไทย ตราบใดที่คนไม่กี่คนใช้สถาบันกองทัพเพื่อประโยชน์ส่วนตัวได้ การเผชิญหน้าระหว่างประชาชนและกองทัพก็ยังคงเกิดขึ้น

ตอนนี้บทเรียนจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬถูกทำลาย แทบสิ้น คิดว่าวันนี้เป็นโอกาสที่เราจะกลับมาปักธงอีกครั้ง เจตนารมณ์ของพฤษภาประชาธรรมต้องได้รับการสืบสาน อีกครั้ง

นั่นคือทหารต้องออกไปจากการเมือง นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง ที่สำคัญคือ เราต้องนำคนที่ก่ออาชญากรรม ทั้งหลายเข้าสู่การพิจารณาคดี

กลไกตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้นั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่การเมืองในรัฐสภาจะบรรลุวัตถุประสงค์ประชาธิปไตยได้ หากประชาชนนอกสภาไม่สนับสนุน ตนไม่ได้บอกให้ออกมาชุมนุมกัน แต่ต้องมีการผสานกันระหว่างทั้งในและนอกสภา เชื่อว่าวิธีการแบบนี้จะดังเพียงพอและทำให้คนเหล่านี้ต้องฟัง

หากแท็กทีมกันการปิดสวิตช์ส.ว. ก็เป็นไปได้ วีรชนพฤษภา’35 ไม่ต่างจากพวกเรา หลายคนไม่รู้ว่าเผด็จการเป็นอย่างไร แต่เมื่อชัดเจนแล้วพวกเขาจึงออกมาต่อสู้จนไล่เผด็จการออกไปได้ แล้วทำไมพวกเราวันนี้จะทำไม่ได้เฉกเช่นเดียวกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน