เมื่อยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง จึงมีชีวิตรอด ด้วยความช่วยเหลือของคนรอบข้าง

เชื่อว่าใครๆ ก็อยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข พวกเราพยายามดิ้นรนและใช้ชีวิตกันอย่างดี แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ลองสมมุติว่ามีคน 100 คน จะมีกันสักกี่คนที่สามารถใช้ชีวิตให้มีความสุขได้อย่างที่หวัง โดยที่ไม่ต้องพบเจอกับความยากลำบาก หรือความทุกข์เลยตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้ามีเพียงแค่ 1 คนที่สามารถเป็นแบบนั้นได้ คนๆ นี้ก็คงจะเกิดมาโชคดีไม่น้อยเลยทีเดียว

ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบชีวิตของคนเรากับเรื่องราวของเต่าทะเล ในทุกๆ ปี แม่เต่าจะเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อมาวางไข่บนหาดทราย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ลูกเต่าเป็นร้อยๆ ตัวจะฝักออกมาพร้อมกันทีเดียว จากนั้นพวกมันจะแห่เดินกันลงไปในทะเล แต่ในจำนวนเต่าเหล่านี้ มีตัวที่เหลือรอดชีวิตจริงๆ ก็แค่เพียงหนึ่งหรือสองตัวเท่านั้น

เพราะว่าระหว่างทาง พวกมันต้องเผชิญกับอันตราย ทั้งจากนกหรือปูที่มากินพวกมัน หรือหาดทรายที่ร้อนจัดแผดเผามันจนตาย หรือบางครั้งเดินตกหลุมที่เกิดจากรอยเท้ามนุษย์ แล้วขึ้นมาจากหลุมนั้นไม่ได้

ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน คนจะมีความสุขจริงๆ ก็มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนใหญ่ต่างก็ชีวิตทุกข์และเหนื่อยไปวันๆ บางครั้งมีภัย อย่างเช่น อุบัติเหตุหรือเป็นโรคมะเร็ง มาเยือน บางคนมีอาการซึมเศร้าจนอยากฆ่าตัวตาย หรือแม้แต่อาการติดเกมหรือติดยาเสพติด ที่เข้ามายึดจับชีวิตคนๆ หนึ่งไว้ คนบางคนถูกสิ่งเหล่านี้ กลืนกินไปทั้งหมด จนต้องจบชีวิตไปอย่างน่าสงสารมาก ถ้าเป็นเช่นนี้ แล้วเราจะรอดจากภัยเหล่านี้ เหมือนกับเต่าที่รอดชีวิตลงสู่ทะเลได้อย่างไร

ผมขอลงรายละเอียดกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เป็นชีวิตของชายเกาหลีคนหนึ่ง มีชื่อว่า ชเวฮงยอล เขาเกิดมาปกติดีทุกอย่าง กระทั่งอายุได้ 11 ปี จู่ๆ ก็เป็นไข้หนักมาก ส่งผลให้เกิดความผิดปกติในสมอง คล้ายกับเซลล์มะเร็ง ส่งผลให้ปาก แขน และขาบิดเบี้ยวไม่เป็นรูป ไม่สามารถเดินไปห้องน้ำหรือกินข้าว ต้องมีพ่อแม่ต้องคอยช่วยเหลือตลอด

ชเวฮงยอล เริ่มทุกข์ทรมานกับการใช้ชีวิต และไม่อยากไปโรงเรียน เพราะเพื่อนมักจะล้อเลียนรูปลักษณ์และท่าเดินว่าเหมือนกับเป็ด ถึงแม้อยากจะออกวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ก็ทำได้แค่นั่งมองจากในห้องเรียนลำพัง หลายครั้งที่เขาร้องไห้ และโกรธจนอยากต่อยหน้าพวกเพื่อน เขาเริ่มรู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างในใจมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่วันหนึ่ง ขณะฮงยอลนั่งร้องไห้อยู่หน้ากระจก กระจกสะท้อนเงาชายพิการที่มีใบหน้าน่าเกลียด ซึ่งก็คือตัวเขาเอง นั้นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นตัวเองอย่างชัดเจน และได้เริ่มมองเห็นตัวเองในมุมของเพื่อน และเริ่มเข้าใจเหตุผลที่พวกเพื่อนดูถูกก็เพราะเขามีหน้าตาและรูปร่างที่อัปลักษณ์แบบนี้นี่เอง เขาได้ยอมรับกับตัวเองว่า “ฉันมันเป็นคนพิการจริงๆ”

รุ่งขึ้น ฮงยอลรีบไปโรงเรียนและออกไปยืนที่หน้าชั้นเรียนต่อหน้าเพื่อนทุกคน เขาพูดสิ่งที่อยู่ในใจทั้งหมด ก่อนกล่าวขอโทษกับเพื่อน ที่ต้องทนเห็นสภาพของเขาที่น่าเกลียดเช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั่น เขาก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากทุกๆคน เพราะเขารู้ตัวดีว่า ด้วยตัวเขาเองไม่สามารถเรียนจบได้ หลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างฮงยอลกับเพื่อนร่วมชั้นก็เปลี่ยนไป เพื่อนเริ่มเปิดใจกับฮงยอล และช่วยเหลือเขาทุกอย่าง ทำให้เขาเรียนจบพร้อมกับเพื่อนๆ ได้

ปัจจุบัน ฮงยอล เป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินที่ใช้เท้าจับพู่กันวาดภาพ และจัดนิทรรศการจากผลงานของเขาเอง และล่าสุด เขาได้ไปบรรยายให้กับนักศึกษามากมายที่ไต้หวัน ในหัวข้อ ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข

ลูกเต่ามากมายโชคร้าย เพราะว่าไม่มีใครช่วยเหลือพวกมัน เมื่อตอนเจอกับภัยอันตรายต่างๆ บนหาดทราย เช่นเดียวกันกับคนเรา จะเป็นผู้รอดจากสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่จะผ่านเข้ามาในชีวิต ก็ต่อเมื่อยอมรับได้ว่าตัวเองว่าเป็นคนชั่วร้าย จึงจะสามารถกล่าวคำขอโทษออกมา และเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น

ที่ IYF ก็อยากมอบความสุขและความหวังให้กับทุกคน เมื่อมีความทุกข์หรือมีปัญหาก็สามารถเปิดใจ พูดคุยกับคนอื่นๆ ตอนนั้นความช่วยเหลือจากคนรอบข้างก็เริ่มจะหลั่งไหลมาสู่เรา


ดร.(กิตติมศักดิ์) ฮักเชิล คิม
ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ ประจำประเทศไทย
FB : Mind World by Kim Hak Cheol, Ph.D.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน