FootNote : อนาคต รัฐบาล พลังประชารัฐ กับ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย
แม้ว่าในที่สุด นายชวน หลีกภัย จะได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนน 258 ต่อ 235 มากกว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ถึง 23 คะแนน
แต่บทสรุปที่ตรงกันจากการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ก็มิได้เป็นไปในทางที่ดีเท่าใดนัก
เนื่องจากประสบ “ปัญหา”ตลอด 2 รายทาง
การที่พรรคพลังประชารัฐเล่นบท “เลื่อน”วาระการประชุมนั่นคือเงาสะท้อนของปัญหา ที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์
ปัญหาอยู่ที่การเชื่อมโยงระหว่างตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แม้จะผ่านตำแหน่งแรกไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะราบรื่น
การผ่านตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้กับ นายชวน หลีกภัย เป็นรูปธรรมยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐยอมให้กับพรรคประชาธิปัตย์
อันเท่ากับเป็นการรับรองว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะยอมให้กับพรรคพลังประชารัฐในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ตรงนี้มิได้อยู่เหนือความคาดหมาย
แต่จากสภาพการเจรจาต่อรองในห้วง 1 วันที่ผ่านมา ก็แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับด้วยว่า ปัญหาที่ดำรงอยู่ในพรรคพลังประชารัฐก็สาหัส
นี่เท่ากับเป็นการเสียสละของ นายสุชาติ ตันเจริญ
ถามว่าเป็นการเสียสละเพียงเพื่อจะไปรับตำแหน่งเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เท่านั้นหรือ
ปัญหาของรัฐบาลในกาลข้างหน้าจึงมิได้เป็นปัญหาอันเนื่องแต่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย เท่านั้น
หากที่สำคัญคือปัญหาจากในพรรคพลังประชารัฐเองด้วย
ประเมินจากข่าวการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี เด่นชัดว่าทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งพรรคภูมิใจไทย ได้กระทรวงสำคัญไปตามที่ต้องการครบถ้วน
ที่อ้างว่าเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อประชาชนนั้นจึงน่าสงสัย
น่าสงสัยเพราะว่าทุกอย่างขึ้นกับผลประโยชน์ของพรรคมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน
นี่คือชะนักที่ติดตามหลัง “รัฐบาล”ไปโดยตลอด