ชนะได้ 1 แพ้ได้ 2 :คอลัมน์ ใบตองแห้ง

ประชาชนเป็นงงทั้งประเทศ เมื่อพรรคอนาคตใหม่ชนะเลือกตั้งซ่อมเขต 8 เชียงใหม่ ถล่มทลาย 75,891 คะแนน ได้ ส.ส.เขตเพิ่มมา 1 คน แต่ไหง พปชร. กับ ปชป. กลับได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มมาพรรคละคน ทั้งที่แพ้ย่อยยับ

พรรคพลังประชารัฐได้เพียง 27,861 คะแนน หายไป จากครั้งก่อน 11,360 คะแนน ก็ยังทำให้มาดามเดียร์ได้เป็น ส.ส. (โดยมิได้ถือหุ้นสื่อ) พรรคประชาธิปัตย์ได้เพียง 1,738 คะแนน จากครั้งที่แล้ว 2,508 คะแนน ก็ยังทำให้น้องตั๊นได้เป็น ส.ส. กระทั่งถูกล้อ “ตั๊นพันเจ็ด”

ก็ไม่ได้มีหน้าที่มาอธิบายสูตรพิลึกพิลั่นแทน กกต. กรธ. แต่ขอบอกว่าอันที่จริง มาดามเดียร์กับน้องตั๊น ควรจะได้เป็น ส.ส.ตั้งแต่แรกโดยชอบธรรม แต่สูตรพิสดารนี่ต่างหาก ทำให้ไม่ได้เป็น

เพราะจากผลการเลือกตั้ง กกต.ประกาศเมื่อวันที่ 8 พ.ค. พลังประชารัฐได้ ส.ส.พึงมี 118.2182 คน อนาคตใหม่ 87.8861 คน ประชาธิปัตย์ 55.6091 คน ภูมิใจไทย 52.4678 คน หัก ส.ส.เขตแล้วควรได้ปาร์ตี้ลิสต์ 21.2182, 57.8861, 22.6091, 13.4678 คน ตามลำดับ

ไล่เรียงกันไปเช่นนี้ 16 พรรค ถึงพรรคพลังชาติไทย 1.0284 คน แต่ยังเหลืออีก 58 พรรคที่ได้ไม่ถึง 1 สูตรของ กรธ.ให้เอามาคิดรวมกันหมด นับแล้วมีจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 174.2629 คน แต่เก้าอี้มันไม่พอ มีแค่ 149 คน (ตอนนั้นประกาศ ส.ส. เขตได้แค่ 349 จึงจัดปาร์ตี้ลิสต์ได้แค่ 149)

สูตรของ กรธ.ก็เลยให้ใช้บัญญัติไตรยางศ์ แบบอนาคตใหม่ เอา 57.8861 คูณ 149 หารด้วย 174.2629 หายไปรวดเดียว 8 คน เหลือ 49.4943 คน เมื่อใช้สูตรเดียวกันพปชร.ก็เหลือ18.1422 คน ปชป. 19.3315 คน

เมื่อไล่ไปเช่นนี้เรื่อยๆ ก็แน่ละ คนได้มากก็ถูกลดมาก คนได้น้อยก็ถูกลดน้อย เช่นพรรคทศนิยมอย่างไทยศรีวิไลย์ จาก 0.8480 เหลือ 0.7251

พอลดแบบนี้แล้ว ท่านก็ให้นับเฉพาะจำนวนเต็มก่อน อนาคตใหม่ 49 ปชป. 19 พปชร. 18 แล้วส่วนที่เหลือให้เอาทศนิยมมาประกวดกัน ปชป.ซึ่งเหลือทศนิยม .3315 ก็ไม่ได้เพิ่ม โดยพรรคไทรักธรรม 0.4055 ได้เก้าอี้สุดท้ายไป

นั่นเป็นการคิดคะแนนจาก 349 เขต เพราะเพื่อไทยโดน ใบส้ม คะแนน พปชร.หายไปด้วย 39,221 คะแนน ทำให้เหลือทศนิยมแค่ .1422 ซึ่งอันที่จริง ถ้าเพื่อไทยไม่ได้ใบส้ม มาดามเดียร์ก็ได้เป็น ส.ส.อยู่แล้ว ดังนั้นพอคะแนน พปชร.กลับมา 27,861 ก็เปลี่ยนจำนวน ส.ส.พปชร.เป็น 18.5671

ที่เซอร์ไพรส์คือ ปชป.เพราะแม้ได้แค่ 1,738 แต่พอไปเทียบไทรักธรรม ที่เดิมได้ 57 คะแนน ลดเหลือ 33 หายไปแค่ 22 คะแนน แต่จำนวนผู้มาใช้สิทธิเปลี่ยน สัดส่วนแต่ละพรรคเปลี่ยน พรรคไทรักธรรมก็เหลือแค่ 0.4067 แพ้ทศนิยม ปชป.ซึ่งกลายเป็น 19.4094

คนเลือกหายไป 22 คนเท่านั้น กลับตกเก้าอี้ได้อย่างน่าขื่นขัน ส.ส.หนึ่งเดียวของพรรคไทรักธรรมต้องเก็บกระเป๋าออกจากสภา

ถามว่าปรากฏการณ์ประหลาดนี้สิ้นสุดหรือยัง ยังครับ เพราะเมื่อใดที่ กกต.ร้องศาลให้สั่งเลือกตั้งใหม่ แจกใบเหลืองใบแดง ส.ส.เขต (หรือส่งศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิถือหุ้นสื่อ) คะแนนทุกพรรคในเขตนั้นก็หายไป ต้องเอาผลเลือกซ่อมมาคำนวณใหม่ จนกว่าจะครบ 1 ปีในวันที่ 24 มี.ค.2563

ดังนั้นก็จะเกิดปรากฏการณ์เก้าอี้ดนตรี เอาชนะกันด้วยทศนิยม พวกทศนิยมต่ำต้องระวังก้นให้ดี ตกเก้าอี้ง่ายๆ เช่น ปชป. .4094 พลังธรรมใหม่ .4225 ประชาธิปไตยใหม่ .4726 โดยพรรคที่ทศนิยมต่ำลงไปก็ยังมีลุ้น เช่นไทรักธรรมแพ้ ปชป. 0.0027 คือประมาณ 200 คะแนนเท่านั้น

นี่คือระบบพิกล หลายชั้นด้วยกัน ข้อแรก ระบบบัตรใบเดียวเอา ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ผูก ส.ส.เขต แล้วผูกอำนาจ กกต.ที่ไม่เหมือนใครในโลก พอสั่งเลือกตั้งใหม่ก็ทำให้เกิดเก้าอี้ดนตรี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับท้ายๆ สลับกันหิ้วกระเป๋าเข้าหิ้วกระเป๋าออก เกิดความไม่เสถียร ไม่มีความมั่นคงของผู้ดำรงตำแหน่ง และไม่เป็นธรรม เพราะเลือกตั้งซ่อมมีผู้ใช้สิทธิน้อยกว่าเลือกตั้งทั่วไป

ข้อสอง อย่างที่ย้ำว่า มาดามเดียร์กับน้องตั๊นควรเป็น ส.ส.ตั้งแต่แรก เพราะ พปชร.ควรได้ปาร์ตี้ลิสต์ 21 คน ปชป. 22 คน อนาคตใหม่ 57 คน ฯลฯ วิธีคำนวณควรให้ ส.ส.ตามที่ประชาชนเลือกเป็นจำนวนเต็มก่อน เก้าอี้เหลือค่อยเทียบทศนิยม เหมือนสอบเข้าโรงเรียนต้องเอาคนผ่านเกณฑ์ก่อน มีที่นั่งเหลือค่อยให้ลำดับรองลงไป

แต่ระบบนี้ไปๆ มาๆ ก็จะเข้าเนื้อตัวเอง เลือกตั้งเขต 8 เชียงใหม่ คะแนน พปชร.หายไป 11,360 หลังเลือกตั้งประชาชนเริ่มเห็นภาพการเมืองชัดขึ้น มีการเปลี่ยนใจ เปลี่ยนคะแนนนิยม ถ้ามีเลือกตั้งใหม่อีกหลายๆ เขต เสียงปริ่มน้ำอาจเปลี่ยนไปก็ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ที่ขู่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแล้วยุบสภา ก็ไม่มีความหมาย เพราะระบบเลือกตั้งมีชัย ใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง ใช้ครั้งหน้าจะยิ่งวุ่นวาย ประชาชนไม่ยอมรับ คิดเอาง่ายๆ จะมีคนตั้งพรรคเล็กจำนวนมาก เพื่อแย่งเอาทศนิยม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน