เหตุปัจจัยอะไรทำให้พรรคพลังประชารัฐต้องดึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม เอาไว้อย่างมั่นคงเหนียวแน่น
กระทั่งแม้เคย “คาย” ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ให้กับพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว ยังจำเป็นต้องเรียกร้องทวงคืน
คำตอบมิได้อยู่ที่ว่าที่ยินยอมนั้นเสมอเป็นเพียง “กลยุทธ์” เพื่อดึงและนำเอา 53 เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ 51 เสียงจากพรรคภูมิใจไทยมาเสริมเติมให้กับสถานการณ์วันที่ 5 มิถุนายน
หากแต่อยู่ที่ความสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม ต่อการขับเคลื่อนประเทศตามยุทธศาสตร์ของพรรคพลังประชารัฐ
เพื่อชิงความได้เปรียบในทางการเมือง
ต้องยอมรับว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม ถือว่าเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นกระทรวงเกรดเอ
ประการแรก กระทรวงเหล่านี้ต้องขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองที่คุมงานทางด้านเศรษฐกิจ
จำเป็นต้องมีเอกภาพ ไม่อาจปล่อยให้กระจัดกระจาย
ประการต่อมาพรรคพลังประชารัฐแสดงความโดดเด่นทางด้านงานเศรษฐกิจมาแต่ต้น ไม่ว่าในเรื่องประชารัฐ ไม่ว่าในเรื่องบัตรสวัสดิการคนจน
ยิ่ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ยังเสนอโครงการ “โคล้านตัว”และถึงกับเปรยว่าได้จอง “เฮลิคอปเตอร์”เอาไว้แล้ว เพื่อตรวจราชการในงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เรื่องนี้ก่อนวันที่ 24 มีนาคม พรรคพลังประชารัฐป่าวร้องอย่างอึกทึกครึกโครม และถือเป็นหมัดเด็ดตั้งแต่ยังเคลื่อนไหวในนาม “กลุ่มสามมิตร”
มีหรือที่จะปล่อยไปให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย
จุดเด่นเป็นอย่างมากของความขัดแย้งหลังสถานการณ์ขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อกระทรวงพาณิชย์ ต่อกระทรวงคมนาคม
ด้านหนึ่ง เป็นความห่วงใยต่อประชาชน
ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่งความห่วงใยต่อประชาชนดำรงอยู่บนฐานแห่งการแย่งยื้อเอากระทรวงใหญ่ กระทรวงเกรดเอ
คล้ายกับเป็นการช่วงชิง “ผลประโยชน์”การเมือง เศรษฐกิจ