เด่นชัดยิ่งว่า ปัญหาอันเกิดกับพรรคพลังประชารัฐ สัมพันธ์กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างมิอาจปัดปฏิเสธได้

มิได้มาจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคอนาคตใหม่

ตรงกันข้าม เป็นปัญหาอันเนื่องกับ 500 เสียงเป็นหลัก

ถามว่าความหงุดหงิดระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับ พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคภูมิใจไทย มีรากฐานมาจากอะไร ก็รับรู้กันอยู่อย่างดีว่าเนื่องมาจากการดีลก่อนวันที่ 5 มิถุนายน

ถามว่าความหงุดหงิดอันมาจากข้อเรียกร้องของ 11 ส.ส.จาก 11 พรรคการเมืองขนาดจิ๋วดำเนินไปอย่างไรและมาอย่างไร

ก็จาก “อภินิหารทางกฎหมาย”ผ่านสูตรของคสช.มิใช่หรือ

ภายหลังจากสถานการณ์การลงมติด้วยคะแนน 500 เสียง อันเป็นรากฐานการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นต้นมา ปัญหาล้วนมาจากพรรคพลังประชารัฐทั้งสิ้น

ปัญหาล้วนสัมพันธ์และเนื่องแต่กระบวนการของคสช.หลังจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ทั้งสิ้น

ในความเป็นจริง พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ และพรรคพลังปวงชนชาวไทย

ดำรงอยู่ในลักษณะขึ้นไปนั่งอยู่บนภูสูงทอดตามองลงมาภายในจำนวน 500 เสียงที่ขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แม้กระทั่งข้อเรียกร้องล่าสุดจาก 11 ส.ส. 11 พรรคการเมือง ที่ขยายจำนวนโควตาจาก 2 ตำแหน่งเป็น 3 ตำแหน่งก็รู้กันอยู่ว่าพวกเขามาอย่างไร

เป็นผลพวงของคสช. เป็นผลพวงของแม่น้ำ 5 สาย เป็นผลผลิตอันล้ำเลิศของรัฐธรรมนูญที่ DESIGN เพื่อพวกเรา

ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ว่า ปัญหาและความขัดแย้งที่กรุ่นมาตั้งแต่ตอนดึกของคืนวันที่ 5 มิถุนายนจะมีทางออกอย่างไรจากพรรคพลังประชารัฐ

คล้ายกับ นายอุตตม สาวนายน หรือ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จะเป็นคนทุบโต๊ะ

แต่ทุกพรรค ทุกคนรู้ว่าไม่น่าจะใช่

ทั้งหมดอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน