ประชาธิปไตยย้อมแมว คอลัมน์ ใบตองแห้ง

ฝ่ายประชาธิปไตยต่อต้านการสืบทอดอำนาจ น่าจะจัดประกวดคำนิยาม มอบโล่ ให้ทุนการศึกษา แข่งกันเสนอว่า ระบอบที่ทำให้ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง เรียกว่าระบอบอะไร

อย่าเรียกประชาธิปไตยครึ่งใบ เพราะเทียบยุคป๋า “ครึ่งใบ” ยังเดินมาข้างหน้า หลังเผด็จการยาวนาน หลังการเข่นฆ่า และขวาสุดโต่ง

“ครึ่งใบ” เป็นวิวัฒนาการสังคมเมื่อสี่สิบปีก่อน แต่วันนี้คือการถอยหลัง บนความเพ้อฝันของอนุรักษนิยมที่เห็นอดีตเป็นวันชื่นคืนสุข ดูหนังดูละครเที่ยวย้อนยุค (รีเมกสนองบริโภคนิยมทั้งนั้น)

วอชิงตันโพสต์ เรียกว่า “ประชาธิปไตยจอมปลอม” crude mockery of democracy แต่เดี๋ยวว่าตามก้นฝรั่ง เรียกตามจอห์น วิญญู กับสุนัย ผาสุก “ประชาธิปไตยย้อมแมว” ก็แล้วกัน คำพังเพยไทยเฉียบคมทุกยุคสมัย

ย้อมแมว สวมคราบ ทำให้การเลือกตั้งเป็นพิธีกรรม แข่งกันแทบตายเพิ่งรู้ว่าใช้สูตรทศนิยมมนุษย์คิดจำนวน ส.ส. แข่งกันแทบตายสุดท้ายใช้ 250 ส.ว.ชี้ขาดนายกฯ พรรคอื่นอยากเป็นรัฐบาลก็แห่มาร่วมจนได้เสียงข้างมาก ทั้งที่ประชาชนข้างมากไม่ได้อยากให้อยู่ต่อ ไม่งั้นคงเลือกพรรคพลังประชารัฐถล่มทลายเหมือนเลือกไทยรักไทยปี 2548

ประชาธิปไตยย้อมแมวทำให้อวดอ้างได้ว่าเป็นรัฐบาล เลือกตั้ง สวมคราบรัฐบาลพลเรือนให้ต่างชาติยอมรับ กลับมาเจรจาค้าขาย ซึ่งก็สมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แต่การยอมรับจริงๆ การลงทุนจริงๆ จะเกิดหรือไม่ ในเมื่อประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ประเทศที่ระบอบการปกครองขัดความต้องการประชาชน ไม่ใช่ประเทศน่าลงทุนในระยะยาว

ประชาธิปไตยย้อมแมวอวดอ้างเป็นประชาธิปไตยเต็มร้อย (จาก 99.99%) ทั้งที่ออกกฎหมายจำกัดสิทธิเสรีภาพไว้มากมาย วางระบอบการปกครองที่รัฐราชการกลับมาเป็นนายประชาชน ลิดรอนอำนาจองค์กรปกครองท้องถิ่น กองทัพคุมยุทธศาสตร์ชาติ กอ.รมน.เป็นรัฐซ้อนรัฐ แม่ทัพคุมการปกครองส่วนภูมิภาค

ระบอบนี้มีรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีกติกา มีกฎหมายไว้เลือกปฏิบัติ เพื่อค้ำจุนอำนาจ ไม่ใช่เพื่อความเสมอภาคยุติธรรม เพราะมีการแลกเปลี่ยนสมประโยชน์กันในกลุ่มชนชั้นนำที่มาจากแต่งตั้ง มีคนดีกองพะเนินอยู่เหนือระบบ ทั้งองค์กรอิสระ องค์กรกฎหมาย ได้เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ค่ารับรองเหมาจ่าย รถประจำตำแหน่ง หรือค่าตอบแทนรถประจำตำแหน่ง เบี้ยประชุม ฯลฯ จากภาษีประชาชนคนละหลายแสน

ผู้มีอำนาจไม่ต้องอยู่ใต้กฎกติกา อย่าพูดถึงกรอบความชอบธรรม ที่เคยวิจารณ์คนอื่น “เผด็จการรัฐสภา” “สภาผัวเมีย” ตั้งพวกตั้งญาติตั้งลูกน้องมาโหวตให้ตัวเอง มีกระทั่งน้องเมีย ส.ส. และทีม สนช.ที่เคยเป็นแกนหาเสียงโค่นเสาไฟฟ้า

กระทั่งคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสรรหา ส.ว. ก็ไม่เปิดเผยในราชกิจจา กรรมการสรรหาเป็นเอง ก็อ้างว่าต่างคนต่างเสนอชื่อ พอโดนกังขาว่าสรรหาจะเป็นโมฆะ ไม่มี ส.ว.สำรองอีก 50 คน ก็ประกาศชื่อเพิ่มทันใด ทั้งที่รัฐธรรมนูญกำหนด ให้แล้วเสร็จใน 3 วันหลังประกาศผลเลือกตั้ง

นี่ผ่านมาเดือนเต็ม เพิ่งตั้งตามหลัง แต่ใครจะสั่งให้เป็นโมฆะ ในเมื่อ คสช.เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจ

ระบอบนี้ไม่เพียงแต่ทำลายประชาธิปไตย แต่ทำลายคุณค่า ความมีหลักเกณฑ์มีเหตุผลของสังคม อย่างที่เรียกกันว่า “ตรรกะวิบัติ” คงอยู่ได้ด้วยการแถ ดันทุรัง อภินิหารทางกฎหมาย อธิบายกลับหัวกลับหาง ซึ่งไม่เคยเกิดมาก่อนแม้แต่รัฐประหารทุกครั้งในประเทศไทย

ในทางกลับกัน มันก็ทำลายคุณค่าทุกอย่างของพลังอนุรักษนิยม ทั้งศีลธรรม จรรยา ระบบตรวจสอบ ระบบคุณธรรมต่างๆ ที่เคยอ้าง เพื่อรักษาโครงสร้างอำนาจในเฮือกสุดท้าย

จริตจะก้านแบบอนุรักษนิยมสูญหายไป เช่นเคยเชื่อว่าระบอบแต่งตั้งทำให้ได้คนดีมีความสามารถหลากหลาย แบบ “อภิชนาธิปไตย” นี่กลายเป็นตั้งพวกกันดื้อๆ แบบ “คณาธิปไตย”

ประชาธิปไตยย้อมแมว เหมือนจะคงอยู่ได้ด้วยพลังสุดโต่ง พวกปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้ง แล้วแกนนำได้กลับไปเป็นรัฐมนตรี กระนั้นความเป็นจริง ฐานที่รองให้ไปต่อได้ คือภาวะจำยอมของสังคม ซึ่งผู้คนต้องดิ้นรนในเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ ต้องอยู่กับปัญหาเฉพาะหน้า ต้องทำมาหากิน ไม่ว่าทุกอย่างจะแย่ลงเพียงไร ก็จำยอม หรือหยวนยอม

เพราะระบอบมันล็อกเสียจนถ้าไม่เกิดจลาจลนองเลือด ก็แก้ไม่ได้ ซึ่งไม่มีใครต้องการไปถึงจุดนั้น หรือไม่ก็ต้องเกิดรัฐประหารอีกครั้ง ซึ่งอาจแย่ลงไปอีก

ลำพังแก้รัฐธรรมนูญต้องให้ ส.ว.เห็นด้วย 1 ใน 3 เพื่อลดอำนาจตัวเอง มันจะเป็นไปได้อย่างไร แต่เมื่อ 6 ปีก่อน ส.ว.จะแก้ให้มาจากเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญกลับชี้ว่าแก้เพื่อตัวเอง

คงต้องปล่อยให้ประเทศต่ำตมจนวินาศ จึงแก้ได้ ใครที่คิดว่านับจากนี้ จะดีขึ้น จะกลับไปเป็นประชาธิปไตย ไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะเมื่อเริ่มจากตรรกะวิบัติ ทำลายหลักการ ก็ไม่มีทางหวนกลับ มีแต่ดำดิ่งลงไปสู่การเมืองสามานย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน