ต้องยอมรับว่านับแต่ชัยชนะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มาจากเสียงขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในที่ประชุมรัฐสภาจำนวน 500 ครั้ง
ปัญหาใหม่ๆก็เริ่มประดังเข้ามาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างคึกคัก
ทั้งปัญหาจาก “ภายนอก” ทั้งปัญหาจาก “ภายใน”
ปัญหาจากภายนอกอันเนื่องแต่พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ และพันธมิตรขอละเอาไว้ก่อน เพราะที่หนักหนาสาหัสไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันคือปัญหาภายใน
ทั้งภายในพรรคพลังประชารัฐ ทั้งภายในระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ
กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นตำบลกระสุนตก
การเอะอะโวยวายของ 10 ส.ส.จาก 10 พรรคขนาดเล็กอาจเงียบเสียงลงไปภายหลังจากมีชื่อ นายอัครา พรหมเผ่า อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ตัดชื่อ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ไปอยู่สำนักนายกรัฐมนตรี
ตัดแม้กระทั่งชื่อ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ให้หลุดไปจากวงจรของครม.โดยสิ้นเชิง
นั่นขึ้นอยู่กับพลานุภาพของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
แต่แล้วก็มีออกมาโวยของ นายเอกราช ช่างเหลา เน้นในการถูกทอดทิ้งของกลุ่มอีสานตอนบนเน้นขอนแก่น อุบลราชธานี ว่าถูกทำให้ด้อยค่ากว่ากลุ่มนครราชสีมา
แม้คล้อยหลัง 1 วันชื่อของ นายเอกราช ช่างเหลา จะถูกตัดออกจาก “กลุ่มสามมิตร”
แต่ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากที่ปรากฏปฏิกิริยาจาก “กลุ่มด้ามขวานทอง” ซึ่งมี 13 ส.ส.ภาคใต้อยู่ในมือ และไม่ได้ตำแหน่งอะไรเลยในครม.
ทั้งนี้ไม่นับท่าทีอันมาจากพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ที่เคยได้รับข้อตกลงว่าจะได้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ
ปัญหาเหล่านี้ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ไม่สามารถให้คำตอบได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
ทุกข้อเรียกร้องจึงไหลไปกองอยู่เบื้องหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะตัวจริงเสียงจริงของพรรคพลังประชารัฐ
นี่คือสถานการณ์ของคสช.ในเดือนมิถุนายน 2562