ผลข้างเคียง

คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

ผลข้างเคียง – รัฐบาลเพิ่งแถลงปลาบปลื้มราคาปาล์มสดปรับ ตัวสูงขึ้นจาก 1.80 บาท เป็น 3.20-3.50 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับขึ้นจาก 15 บาท เป็น 20 บาท ว่าเป็นผลมาจากมาตรการของภาครัฐที่ให้นำน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตกระแสไฟฟ้า และการส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 20 กับรถบรรทุกขนาดใหญ่ เป็นต้น

พร้อมคาดการณ์ด้วยว่าราคาปาล์มสดอาจปรับขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 4 บาท หากมีการใช้น้ำมัน ไบโอดีเซลบี 10 และบี 20 เพิ่มขึ้น

ส่วนสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินลดลงจาก 400,000 ตัน เหลือ 300,000 ตัน ใกล้เคียงกับระดับที่ควรสำรองไว้ 250,000 ตัน

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ภาครัฐขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าจนทำให้ราคาปาล์ม พุ่งสูงขึ้น ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่น่าปลื้มขึ้น

กรณีดังกล่าวเกิดเสียงอื้ออึงจากผู้บริโภค ว่า ห้างค้าปลีกหลายแห่งปรับราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มบรรจุขวดขนาด 1 ลิตรขึ้น 10 บาท จากเดิมขวดละ 25-26 บาท เป็นขวดละ 34-35 บาท

กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า เป็นการขอความร่วมมือให้ผู้จำหน่ายปาล์ม บรรจุขวด ขายราคาที่สอดคล้องกับราคาน้ำมัน ปาล์มดิบ

ห้างที่ตั้งราคาขายต่ำกว่าทุน หากไม่ปรับเปลี่ยนจะต้องถูกดำเนินการเพราะถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย บิดเบือนกลไกตลาด และทำลาย คู่แข่ง

แม้ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าราคาแพงขึ้น แต่รัฐบาลระบุถึงความจำเป็น เพื่อไม่ให้ราคาปาล์มสดตกลงไปเหมือนเดิมอีก

สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนว่า หากใช้มาตรการปรับราคาสินค้าเกษตรตัวใดตัวหนึ่งให้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะขอความร่วมมือกับห้างใหญ่หรือห้างเล็ก หากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ไม่ได้กระเตื้องตามไปด้วย จะมีผลกระทบตรงต่อผู้บริโภค

เมื่อปี 2554 ซึ่งเป็นปีเลือกตั้งทั่วไปเหมือนกับปีนี้ ราคาปาล์มดิบและปาล์มสดต่างอยู่ในระดับสูง แต่ไม่กระทบผู้บริโภคมาก เพราะเศรษฐกิจโดยรวมในปีนั้นยังไม่ซบเซา

สำหรับปีนี้ กรมการค้าภายในระบุว่าสถานการณ์ไม่ปกติ ราคาผลปาล์มตกต่ำอย่างมากเพราะปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลใช้งบประมาณเกือบ 2,000 ล้านบาทเพื่อพยุงราคาปาล์มแล้ว

โจทย์อยู่ที่ว่าจะสร้างสมดุลอย่างไร ไม่ให้ทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคเดือดร้อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน