การที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ออกมา “เปิดโปง”เงื่อนงำการคืน โฉนดที่ดินอย่างมีเงื่อนงำในหลายพื้นที่ในห้วงก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม
ก่อผลสะเทือนไม่เพียงแต่ต่อการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นอย่างสูงเท่านั้น
หากยังทำให้เกิดความหวั่นไหวต่อ “รัฐบาล”
เพราะว่าผลงานและความสำเร็จในกรณีโฉนดที่ดินนั้นสัมพันธ์กับปฏิบัติการกวาดล้างนายทุนเงินกู้อย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง
กลายเป็นผลงานที่เกื้อหนุนให้กับการหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐอันเป็นฝ่ายของรัฐบาลอย่างแนบแน่น
และส่งแรงสะเทือนไปยังพรรคเพื่อไทยอันเป็นคู่ต่อสู้
ความละเอียดอ่อนในที่นี้มิได้เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยเองก็ต้องการเปิดโปงและโจมตี เพราะที่ผ่านมาอยู่ในภาวะน้ำท่วมปาก ไม่สามารถทำอะไรได้
หากแต่ยังเป็นความละเอียดอ่อนตรงที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์
และพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
ปฏิบัติการของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จึงเป็นผลดีกับพรรคเพื่อไทย แต่ส่งผลเสียให้กับพรรคพลังประชารัฐและเป็นผลเสียให้กับรัฐบาล
ก่อความเสียหายให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยอ้อม
เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลที่แล้ว และก็ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปผ่าน 53 เสียงของพรรคประชาธิปัตย์
คำถามอยู่ที่ว่าการเปิดโปงของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จะได้รับการขานรับและเดินหน้าต่อโดยพรรคเพื่อไทยหรือไม่
เพราะนี่เท่ากับเป็นการชงให้พรรคเพื่อไทยโดยแท้
การเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์จึงอยู่ในลักษณะที่มีความท้าทายอย่างแหลมคม ไม่เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ของพรรค หากผลประโยชน์นั้นอาจสะเทือนพรรคพลังประชารัฐ
เพราะเป้าหมาย 1 คือการปิดสวิตช์ คสช.
เพราะเป้าหมาย 1 คือการนำ”ประชาธิปไตยสุจริต”ไปจัดการ กับ “ประชาธิปไตยวิปริต”
ในที่สุดแล้วก็คือ การแก้ไขเพิ่มเติม”รัฐธรรมนูญ”