การประชุมอาเซียนผ่านพ้นไปด้วยดี คนไทยหน้าบานได้เป็นเจ้าภาพ ภาคภูมิใจลุงตู่ได้เป็นประธานอาเซียน thank you very much to hear ทั้งที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ ว่าเขาประชุมอะไรกันบ้าง นอกจากแชร์ข่าวแจกมาลัยเงิน ปลาบปลื้มเต็มเฟซ เต็มไลน์ กับข่าวขายฝันเจ้าภาพบอลโลก 2034 ที่ต้องสู้กับจีน

ตั้งแต่ก่อนการประชุม รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงก็ตีปี๊บ ย้อนอดีต 10 ปีก่อน ม็อบเสื้อแดงบุกการประชุมพัทยา ทำนองว่าขายหน้าชาวโลก เป็นเรื่องใหญ่ของคนไทยรักหน้า แต่เวลาปิดสนามบิน หรือใช้กระสุนจริง 99 ศพกลางเมือง กลับ ไม่อายใคร

ก็ได้เวลาพอดี 10 ปี ส่งฟ้องแกนนำเสื้อแดงที่พัทยา แต่อ้าว แรมโบ้หาย อัยการไม่ได้ตัวมา จนหมดอายุความ ทิ้งเพื่อนอีก 5 คนขึ้นศาล แล้วบอกว่าเต้นไม่น่าโวยวาย เต้นไปเต้นมา อย่างนี้ บ้านเมืองจึงไม่สงบเสียที

ใช่เลย ถ้าเต้นไม่ออกมาแฉ ถ้าไม่มีใครรู้ ว่าแรมโบ้รอด คนเดียว บ้านเมืองก็คงสงบ

อัยการชี้แจง ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่ “โปรย้ายค่าย” ไม่ใช่ย้ายพรรคแล้วรอดคนเดียว เพราะพอไม่มาตามนัด อัยการก็ออกหมายจับ แต่ตำรวจทหารทั้งประเทศ ไม่มีใคร จับได้ ไม่มีใครรู้แรมโบ้อยู่ที่ไหน ทั้งที่เพิ่งหาเสียงอยู่หลัดๆ

ดังนั้นไม่มีใครผิด ไม่มีใครอุ้ม แรมโบ้ก็บอกเอง ทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมาย ไม่มีใครเป็นอภิสิทธิ์ชน ฟังแล้วน่า ปลื้มใจ กฎหมายยังศักดิ์สิทธิ์ แม้แรมโบ้ลอดบ่วง แรมโบ้ ก็ยังเคารพกฎหมาย

กฎหมายมีช่องให้อธิบายได้เสมอ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองคง ไม่สามารถปกครองด้วยอภินิหารทางกฎหมาย ประชาชนถูกบอกให้เคารพกฎหมาย เชื่อฟังคำอธิบายขององค์กรทางกฎหมาย ซึ่งก็เลือกช่องอธิบายได้ ว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติ เช่น ป.ป.ช.ตีตกคดี “ซ้อต่าย” ใช้เงิน อบจ.ขนคนไปดูบอล เพราะขอมหาดไทยแล้ว ไม่ผิดอาญา แม้ยังต้องชดใช้ 20 ล้าน

นี่ไม่ใช่โปรย้ายค่าย เพราะย้ายไปนานแล้ว คดีกล้ายางก็จบไปตั้งนาน แค่บังเอิญ ป.ป.ช.วินิจฉัยตอนพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล

แบบเดียวกัน ก็เป็นอำนาจวินิจฉัย ป.ป.ช.ที่เอาผิดวิโรจน์ นวลแข แต่ไม่เอาผิดอุตตม สาวนายน กระทั่งสามารถเป็น รมว.คลังได้อย่างสง่างาม

รัฐบาลไหนต้องทำตามกฎหมาย ถ้าไม่ทำก็มีความผิด ยกเว้นมี ม.44 ใช้แล้วไม่ต้องรับผิดชอบ ทักษิณออกหวยบนดินโดยไม่แก้ไขกฎหมายก่อน ให้กองสลากไปเป็นเจ้ามือ รับแทงไม่อั้น ไม่ป้องกันความเสี่ยง ทำให้ขาดทุน 7 งวด 1.6 พันล้าน แม้รวมทั้งหมดมีรายได้ 1.2 แสนล้าน ก็ถือว่าทำผิดกฎหมาย

แต่รัฐบาลนี้แก้กฎหมายแล้ว จึงออกหวยบนดินได้ ออกหวย ก.ข. น้ำเต้าปูปลาก็ยังได้ ไม่ถือว่ามอมเมาประชาชน แถมไม่ต้องเอาเงิน 1.2 แสนล้านมาใช้อย่างทักษิณ เพราะมีเงินสำรองจ่ายปีละ 5 หมื่นล้าน

ชาวบ้านถูกบอกให้เชื่อฟังกฎหมาย อย่าคิดเอาเองว่าอะไรถูกอะไรผิด ต้องฟังวิษณุ เครืองาม อธิบาย พร้อมยกโคลงกลอนสอนใจ อย่าคิดแง่ร้ายว่ากรรมการสรรหาเสนอชื่อตัวเอง ชื่อพี่ชื่อน้อง พวกท่านสลับกันเสนอ ไม่ขัดจริยธรรม “สุจริตคือเกราะบัง ศาสตร์พ้อง”

มีวิษณุ ก็เหมือนมีกฎหมายเดินได้ แต่วันนี้ใครยังเชื่อวิษณุบ้าง ใครยังเชื่อกฎหมายที่วิษณุอธิบาย

หลังจากวิกฤตการเมือง 13 ปี กฎหมายไม่ได้เป็นหลักของบ้านเมืองอีกต่อไป กฎหมายกลายเป็นแค่เครื่องมือ หลังจาก 5 ปีที่คนฉีกกฎหมายสูงสุดออกคำสั่งเป็นกฎหมาย และบอกให้เคารพกฎหมาย

ถามจริง วันนี้ใครยังเชื่อกฎหมาย แม้แต่พวกที่ปิดสนามบินเป่านกหวีดขัดขวางเลือกตั้ง ยังเชื่ออยู่หรือว่า ประเทศอยู่ในหลักนิติรัฐนิติธรรม แค่อาจพึงพอใจที่เห็นการใช้กฎหมายตามอำเภอใจกับฝ่ายตรงข้าม และไม่โดนกับพวกตัวเท่านั้น

ลองถามตัวเอง ลองถามพวกพ้อง คดีการเมืองต่างๆ คุณเชื่อหรือไม่ว่าคนนั้นคนนี้จะโดน คนนั้นคนนี้จะหลุด เท่าที่เห็น คนส่วนใหญ่ก็เก็งไม่ผิดสักราย

กฎหมายล้มละลายจนกระทั่ง “ไอ้ปื๊ด” ยังเยาะเย้ยได้ ว่าถ้าทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ย้ายค่าย ก็อาจไม่ผิดสักคดี

คนจำนวนหนึ่งอาจคิดว่า การใช้กฎหมายเช่นนี้จะจำกัดวงอยู่แค่คดีการเมือง แต่เมื่อมันเกี่ยวข้องกับอำนาจ ระบบอุปถัมภ์ แล้วจะยังไว้วางใจกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร เว้นเสียแต่คดีชาวบ้านกับชาวบ้าน แกร็บกับมอเตอร์ไซค์ ผู้มีอำนาจก็ทำขึงขัง อวดความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย หรือบางคดี ที่เป็น กระแสดราม่าฟูมฟาย ก็ต้องเอาใจสังคม

ประเทศที่ไม่ยึดหลัก แต่กลับเขียนนิติธรรมไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับเขียนให้ตั้ง 250 ส.ว. มาโหวตตัวเองได้ จะเหลืออะไรให้ยึดถือ ระหว่างบรรทัด ทุกคนเข้าใจดีว่าเชื่อถือกฎหมายไม่ได้ ต้องเชื่ออำนาจเส้นสายเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน