ถึงเวลานโยบาย
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
ถึงเวลานโยบาย – หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ภารกิจแรกๆ ของรัฐบาลภายหลังการเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก็คือการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมระหว่างพรรครัฐบาลทั้ง 19 พรรค เพื่อนำแนวนโยบายของแต่ละพรรคที่หาเสียงเอาไว้มาพิจารณาร่วมกัน
ซึ่งโดยธรรมชาติของรัฐบาลผสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลผสมจำนวนมากถึง 19 พรรคนั้น ย่อมไม่มีทางที่นโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่งจะได้รับการนำมาปฏิบัติอย่างครบถ้วน
แต่จะต้องมีการประนีประนอม หาจุดร่วมและสงวนจุดต่าง
ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียระคนกันไป
ในด้านหนึ่ง การผสมผสานนโยบายจะทำให้เกิดความรอบคอบ ไม่สุดโต่งไปด้านใด ด้านหนึ่ง และทำให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลกันเองตั้งแต่ในชั้นรัฐบาล
แต่ในอีกด้านหนึ่ง นโยบายของรัฐบาลผสมมีโอกาสที่จะให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของรัฐบาลด้วยการประนีประนอม จนกระทั่งขาดเป้าหมาย ทิศทาง และแนวทางที่ชัดเจน
นอกจากนั้นแล้ว ตามธรรมชาติของการแบ่งกระทรวงรับผิดชอบ ยังทำให้การผลักดันนโยบายที่ต่างฝ่ายต่างมีเป้าหมายของตนเอง ดำเนินไปอย่างไม่เป็นเอกภาพ จนกระทั่งขาดประสิทธิภาพในการดำเนินการ
รวมทั้งเมื่อจะต้องสงวนจุดต่างเอาไว้ ก็หมายถึงจะต้องเลือกทิ้งหลายนโยบาย
หรือหลายเป้าหมายสำคัญไป
ตัวอย่างเช่น คำสัญญาของหลายพรรคการเมืองตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ว่าจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ระบบการเมืองเป็นธรรม โปร่งใส และมีมาตรฐานขึ้น
จะสามารถผลักดันให้เป็นจริงได้เพียงใด ในรัฐบาลที่พรรคใหญ่ที่สุดเป็นผู้ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญดังกล่าวมากที่สุด
หรือนโยบายการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ที่ในช่วงหาเสียงมีการระบุชัดเจนว่าจะผลักดันให้ขึ้นไปถึงระดับเท่านั้นเท่านี้ โดยไม่มีการมาเพิ่ม “เงื่อนไข” เอาเหมือนเมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้ว
นโยบายที่หาเสียงเอาไว้แล้วไม่ลงมือทำ เหมือนเขียนด้วยมือลบด้วยเท้าเช่นนี้
ย่อมส่งผลกับความน่าเชื่อถือรัฐบาลตั้งแต่เริ่มต้นการทำงาน