ถามว่ากรณียั่วเร้าในที่ประชุมรัฐสภากระทั่งต่อมความอดทนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แตกกระจาย ดำเนินไปอย่างมีกลยุทธ์ หรือว่าเป็นอุบัติเหตุ

สภาพที่เห็นเหมือนกับเป็นเรื่องประเภท”เป็นไปเอง”มิได้เป็นการจัดฉาก วางแผน

อาศัย “จุดอ่อน”ของฝ่ายตรงกันข้ามมาเป็น”เครื่องมือ”

จุดอ่อนในที่นี้มิได้หมายถึงจุดอ่อนอันเป็นธรรมชาติและตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น

ที่สำคัญก็คือ จุดอ่อนของพรรคพลังประชารัฐ

ที่สำคัญอันเป็นตัวจุดชนวนก็คือ จุดอ่อนของ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธาน

แล้วทุกอย่างก็รวมศูนย์ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หากมองอย่างแยกส่วนก็เหมือนกับว่าเป็นปฏิบัติการโดดๆ จากฝีมือของหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย

โดยปรากฏการณ์อาจเป็นเช่นนั้น

แต่อย่าลืมการจัดวางอารมณ์ที่เริ่มตั้งแต่ นายรังสิมันต์ โรม จากพรรคอนาคตใหม่อย่างเด็ดขาด

นั่นเป็นการแลกคิวกับหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย

ในความเป็นจริง เนื้อหาการอภิปรายของ นายรังสิมันต์ โรม เท่ากับเป็นการตรวจสอบสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีว่าตีไปยังตรง ไหนจะได้ผลมากที่สุด

การตี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่บังเกิดอะไรมากนักเนื่องจากมีเพียงรอยยิ้มเท่านั้น

เท่ากับเชื่อฟัง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นอย่างดี

แต่การแหย่เข้าไปยังกระบวนการทำงานของ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ต่างหากที่ก่อให้เกิดผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งกว้างขวางในทางการเมือง

กระทบถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในที่สุด

หากเบื้องหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากด้วยฝ่ายเสนาธิการ ทั้งทหารและพลเรือนครบครัน

เบื้องหลัง 7 พรรคร่วมรัฐบาลก็มิได้ว่างเปล่า

การร้องท้าหน้าค่ายเพื่อสร้างความปั่นป่วนจึงได้บังเกิด

กลยุทธ์”ล่อเสือ”ให้ออกจากถ้ำจึงส่งผลอย่างที่เห็นๆกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน