จับตา2ปมใหญ่ ไม่แพ้ถวายสัตย์
จับตา2ปมใหญ่ไม่แพ้ถวายสัตย์ – ยิ่งนานวัน ยิ่งบานปลาย
มาถึงจุดที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต้องกล่าวขอโทษคณะรัฐมนตรี ยืนยันปัญหาทุกอย่างพร้อมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
เรื่องที่ถูกฝ่ายค้านโจมตี กรณีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนถ้อยคำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ที่กำหนดไว้ตายตัว กล่าวตกประโยคสาระสำคัญที่ว่า “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” ไปทั้งประโยค
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ เปิดปากชี้แจงเรื่องนี้หลายครั้ง หลังปล่อยให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ทำหน้าที่ปัดป่ายบ่ายเบี่ยงอยู่พัก อ้างว่าตอบไม่ได้ ไม่ควรพูด “แล้ววันหนึ่งจะรู้เองว่าทำไมถึงไม่ควรพูด”
การตอบแบบไม่ตอบของนายวิษณุ แทนที่เรื่องจะจบ กลับยิ่งบานปลาย
ประเด็นถวายสัตย์ ลุกลามรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง เสียงระเบิดป่วนกรุงยังดังกลบไม่ได้ ฝ่ายค้านเปิดเกมกดดันหนักให้นายกฯ และรัฐบาลร่วมกันรับผิดชอบทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ และถวายสัตย์ใหม่
สถานการณ์รุกเร้าให้พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกโรงชี้แจงด้วยตัวเอง สะท้อนว่าเรื่องนี้ไม่เล็กเสียแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้จริงจังครั้งแรก หลังร่วมพิธีวันพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครบรอบ 132 ปี ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จ.นครนายก ว่า
“ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการใน การถวายสัตย์ต่อหน้าพระมหากษัตริย์ ณ ตรงนั้นก็เสร็จไปแล้วว่าต้องทำอะไรในการดูแลประชาชน ข้อความต่างๆ ที่พูดไปแล้วถือว่าครอบคลุมทั้งหมด และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญในการดูแลพี่น้องประชาชนคนไทย
ที่สำคัญที่สุดเป็นไปตามพระปฐมบรมราชโองการ ซึ่งพระองค์ท่านรับสั่งมาให้ทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งตรงกับรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าทำเพื่อประชาชนทั้งเพื่อประเทศ
คิดว่าเรื่องนี้ควรจบดีกว่า อย่าให้บานปลาย หลายคนในนั้นก็เป็นทหาร ขอร้องว่าเคยเป็นพี่น้องกันมาอย่าให้การเมืองมาทำให้ประเทศชาติปั่นป่วนไป ทั้งหมด ถ้าจะดีหรือไม่ดีอย่างไรก็ให้รอเลือกตั้งคราวหน้าก็แล้วกัน”
ถัดมาอีกวันหลังประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ ตอบนักข่าวที่ถามถึงเรื่องฝ่ายค้านจ้องอภิปรายและตั้งกระทู้ถามกรณีถวาย สัตย์ไม่ครบ ว่า พยายามแก้ไขปัญหาอยู่ แต่ยืนยันว่าได้ทำครบถ้วน เมื่อนักข่าวถามย้ำ พล.อ.ประยุทธ์ก็เริ่มหงุดหงิด
“ก็กำลังหาทาง ไม่รู้จักคำว่าหาทางหรืออย่างไร เรื่องนี้ผมจะทำของผมเอง”
วันรุ่งขึ้น ระหว่างตรวจราชการภาคใต้ จ.ยะลา พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้สั้นๆ ว่า เดี๋ยวคงเรียบร้อย เพราะไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ผิด เขาดูกันที่เจตนา
จากคำให้สัมภาษณ์ 3 ครั้งใน 3 วัน จับใจความสำคัญได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับว่าการถวายสัตย์เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ผิดพลาด ไม่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดจริง แต่เป็นการกระทำผิดโดยไม่เจตนา และกำลังหาทางแก้ปัญหาอยู่
ต่อมาวันพฤหัสฯ ระหว่างเป็นประธานประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อคณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการระดับสูงจากทุกหน่วยงาน กว่า 800 คน ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ พูดบนเวที
“เรื่องแรกที่เป็นประเด็นสำคัญ ผมขอเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”
“นั่นคือเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญหรือ อะไรก็แล้วแต่ ผมเป็นห่วงกังวลอยู่อย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำงานได้ หวังให้ทุกคนได้ทำงานต่อไป ต้องไปศึกษาในรัฐธรรมนูญเขียนว่าอย่างไร อย่างไรก็ตามคงยังจะมีรัฐบาลอยู่ และไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องขอโทษบรรดารัฐมนตรีด้วย เพราะผมถือว่าผมได้ทำของผมเต็มที่แล้ว”
ตรงนี้เองเป็นจุดเริ่มของข่าวลือแพร่สะพัดออกไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจตัดสินใจ “ลาออก” เพื่อรับผิดชอบต่อปัญหาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม โฆษกรัฐบาลได้ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าวในทันที เช่นเดียวกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะไม่แสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาด้วยการลาออกแน่นอน
สอดรับกับท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ที่กล่าวผ่านสื่อมวลชนเมื่อวันศุกร์ ระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดทดลองบริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว “ยืนยันวันนี้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะผมเป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ตรงนี้ ผมไม่ไปไหน ไม่ต้องเป็นห่วง”
สรุปได้ว่ากระแสนายกฯ เตรียมลาออก น่าจะถูกปล่อยออกมาจากฝ่ายที่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น
เพราะจากความเป็นจริงที่ว่า กว่าพล.อ.ประยุทธ์จะมาถึงจุดนี้ ได้กลับมาเป็นนายกฯ สมัยสอง จัดตั้งรัฐบาล 19 พรรค ก็ต้องพลิกแพลงหลายกระบวนท่าจนเลือดตาแทบกระเด็น การจะให้ถอดใจลาออกง่ายๆ จึงเป็นไปได้ยาก
เพราะการลาออกของนายกฯ มีผลให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นไปด้วย
เท่ากับว่ากระบวนการได้มาซึ่งรัฐบาลหลัง เลือกตั้ง 24 มีนาคม ต้องกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่หมด ตั้งแต่ประชุมรัฐสภาโหวตเลือกนายกฯ การทูลเกล้าฯ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง การฟอร์มคณะรัฐมนตรีกันใหม่ เพื่อจะได้ถวายสัตย์ปฏิญาณให้ถูกต้องครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ
บวกลบคูณหารแล้วไม่คุ้ม ทั้งยังมีความเสี่ยงสูง
โดยเฉพาะในสถานการณ์ผีซ้ำด้ำพลอย 5 พรรคจิ๋ว นำโดยนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ “เต้ ตัวเปิด” ตีรวนประกาศถอนตัวจากรัฐบาล เป็นฝ่ายค้านอิสระ เพราะไม่พอใจพรรคพลังประชารัฐละเลย ไม่แจกจ่ายผลประโยชน์ตามข้อตกลงที่ทำกันไว้ตอนแรก
ขู่ไปถึงการโหวตสวนพ.ร.บ.งบประมาณฯ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน
การตีรวนของ 5 พรรคจิ๋ว ถูกโยงเข้ากับสัญญาณอันตราย
กรณีรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ แพ้โหวตฝ่ายค้านในสภาครั้งแรกในการประชุมเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมาในการลงมติข้อ 9 ร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เฉือนกันแค่ 1 เสียง แต่แพ้ก็คือแพ้
ตามตัวเลขส.ส.ในสภาตอนนี้แบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล 19 พรรค 254 เสียง ฝ่ายค้าน 246 เสียง
ถ้าเกิด 5 พรรคจิ๋ว ซึ่งมีส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคละ 1 คน ทำตามคำขู่ เปลี่ยนขั้วจากรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ สมการทางการเมืองจะเปลี่ยนเป็น 249 กับ 251 กลายเป็นรัฐบาลเสียงน้อยทันที
ในอนาคตเมื่อเวลาแห่งการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณฯ หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาถึง ผลจะออกมาสยดสยองแค่ไหน คาดเดาได้ไม่ยาก
จึงไม่แปลกที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐต้อง เร่งเคลียร์ใจกับ 5 พรรคจิ๋วให้จบสิ้นโดยเร็ว ซึ่งการจัดการปัญหานี้ไม่น่าจะยาก เพราะพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมอื่นๆ ต่างก็มองออกว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพรรคจิ๋ว เป็นแค่การเอาเรื่องนโยบายการทำงาน มาบังหน้าการต่อรองผลประโยชน์เฉพาะตัวหรือไม่
เกี่ยวกับรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ มีการประเมินกันไว้ตั้งแต่แรกว่าต้องเผชิญกับสถานการณ์น่าหวาดเสียวอะไรบ้าง การแถลงนโยบายเป็นแค่เวทีซ้อมใหญ่ ของจริงอยู่ที่พ.ร.บ.งบประมาณฯ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ส่วนเรื่องถวายสัตย์ เป็นปัญหาข้อผิดพลาดที่สอดแทรกเข้ามาโดยที่นายกฯ และรัฐบาล ไม่ได้วางแผนรับมือไว้ก่อน เพราะไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดข่าวแจ้งว่ากรณีถวายสัตย์นั้น รัฐบาลค้นพบทางออกคือการขอพระราชทานอภัยโทษ และเตรียมเข้าถวายสัตย์ “เพิ่มเติม” ให้ครบถ้วน ซึ่งไม่ใช่การถวายสัตย์ใหม่ ก็ต้องรอดูว่าทำได้ หรือไม่ได้อย่างไร
ขณะที่เรื่องของการแถลงนโยบายรัฐบาลที่ส่อว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่แจกแจงที่มารายได้ในการดำเนินนโยบาย ตามมาตรา 162
รวมถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นผ่านประธานสภาไปถึง ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยคุณสมบัติพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะอดีตหัวหน้าคสช.นั้น ถือเป็น “เจ้าหน้าที่รัฐ” หรือไม่ เป็นอีก 2 ปัญหาใหญ่ที่ต้องจับตาให้ดี
เพราะระดับความรุนแรงไม่ต่างจากเรื่องถวายสัตย์ไม่ครบเช่นกัน