เรือแป๊ะเปะปะ

7 พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 กรณีนายกฯ นำคณะรัฐมนตรี กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ

การอภิปรายโดยไม่ลงมติ ไม่มีผลล้มรัฐบาล แต่เป็นการจี้ถาม ให้ชี้แจงแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 161 บัญญัติคำถวายสัตย์ไว้ให้อ่านตามทุกตัวอักษร แต่นายกฯ กลับควักโพยออกมาจากกระเป๋า อ่านเองตัดเองเติมเองหน้าตาเฉย ประชาชนก็เห็นกันทั้งประเทศ ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ฝ่ายค้านเป็นผู้แทนประชาชนถาม ทำกันมั่วๆ แบบนี้ได้อย่างไร แล้วจะมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีหรือไม่

แทนที่จะหาทางแก้ไข เนติบริกรกลับย้อนว่าฝ่ายค้านไม่ควรพูด ประชาชนไม่ควรรู้ หนักๆ เข้าเมื่อจนแต้ม ก็บอกไม่รู้ หรือรู้แต่ไม่ตอบ ประยุทธ์ก็บอกรับผิดชอบแต่ผู้เดียว จะหาทางแก้ไขเอง แต่พอมีคนไปยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ฉวยมาอ้าง เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว ไม่ต้องชี้แจงสภา ไม่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ซึ่งอยากฟังท่านพูดชัดๆ ว่าทำไปอย่างนั้นได้อย่างไร

คือมันผิดเห็นๆ เถียงไม่ออกอยู่แล้ว ไม่มีใครเถียงสักคนว่าโดน fake news หรือคลิปตัดต่อ ไม่มีนักกฎหมายซักราย ออกมารับประกันว่ารัฐบาลทำถูกต้อง มีแต่เจษฎ์ โทณะวณิก บอกว่ารัฐธรรมนูญไม่มีบทลงโทษ แนะนำให้อยู่เฉยๆ ปูกระเบื้องรอศาลรัฐธรรมนูญ

รัฐบาลทำตัวเอง ประยุทธ์ทำตัวเอง อย่างไม่มีเหตุผลเลยด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่ชี้แจงชาวบ้าน ว่ารัฐธรรมนูญมีให้อ่าน ทำไมไม่อ่าน กลับไปอ่านโพย

ลิ่วล้อกลับมาโวย โทษฝ่ายค้าน หาว่าเล่นเกมการเมือง จ้องล้มรัฐบาล น่าจะทำงานสร้างสรรค์ เอาเวลาไปแก้ปัญหาประชาชนดีกว่า

ประธานหอการค้าจังหวัดหนึ่งก็โอดครวญ เศรษฐกิจแย่ตั้งแต่ยึดอำนาจมา 5 ปี เลือกตั้งใหม่ก็ยังไม่ดีขึ้น มีแต่จะแย่ลง ฝ่ายค้านควรให้โอกาสรัฐบาลทำงานก่อนสัก 6 เดือน ไม่ใช่มัวแต่จ้องจับผิดกัน

อ่านแล้วไม่รู้จะขำหรือเศร้าดี ประชาชนต้องฝากความหวังไว้กับเรือแป๊ะที่พาย่ำแย่มา 5 ปี ตอนนี้คุยว่าเปลี่ยนเป็นเรือเหล็ก แต่แค่เริ่มต้น กัปตันก็เปะปะ

ผู้นำที่เคยชินกับการปกครองด้วย ม.44 ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ไม่ต้องแยแสใคร วันนี้เข้าสู่ระบอบเสียงข้างมาก แม้ปริ่มน้ำ ก็มั่นใจในกองทัพ รัฐราชการ องค์กรอิสระ องค์กรกฎหมาย เลยยังย่ามใจว่าทำอะไรได้ไม่ต้องเกรงใจคนค้าน

ความจริงมันไม่ใช่แล้ว ระบอบ คสช.ที่เคยแข็งปั๋ง ดึงดันได้ทุกอย่าง ไม่สามารถควบคุมอำนาจได้อย่างสัมบูรณ์ แล้วก็เริ่มเปะปะ

ดูง่ายๆ อย่างพรรคเล็กร่วมรัฐบาล พอเล่นตัว โก่งราคา ก็ต้องประเคนตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี ขณะที่ในสภา ก็แพ้มติฝ่ายค้าน 2 ครั้งซ้อน แม้เป็นเรื่องข้อบังคับ ที่พูดได้ว่าฝ่ายค้านมีเหตุผลกว่า

รัฐบาล คสช.ที่เคยสั่งการระบบราชการแบบซ้ายหันขวาหัน วันนี้ต้องหันมาเอาใจนักการเมือง ทั้งในพรรคแกนนำ พรรคร่วม พรรคเล็ก ตั้ง ส.ส.สอบตกมาดำรงตำแหน่ง “เทกระโถน” หลายกุรุส

นึกภาพแล้วน่าสนุก รัฐราชการที่เคยเป็นใหญ่ วันนี้ต้องเปลี่ยนนาย รื้อโผแต่งตั้งโยกย้าย รัฐมนตรีไล่บอร์ดรัฐวิสาหกิจ ที่ตั้งโดย “รัฐบาลที่แล้ว” ต่อไปหน่วยงานต่างๆ จะเจอนามบัตรผู้ช่วย เลขา ที่ปรึกษารัฐมนตรี ปลิวว่อน

กลุ่มก๊วน พรรคร่วม พรรคเล็ก มีอำนาจต่อรองสูง ผู้นำทหารต้นทุนต่ำต้องอาศัยนักการเมืองช่วยสร้างคะแนนนิยม เราจึงเห็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ประกาศนโยบายของตัวเองกันสนุกปาก จะทำโน่นทำนี่ แจกนั่นแจกนี่ ทางใครทางมัน ภัยแล้งก็แข่งกันเจาะบ่อบาดาล ขับเครื่องบินไปเอาใจชาวบ้าน

ไม่ได้บอกว่านักการเมืองจากเลือกตั้งแย่ แม้รู้กัน นักการเมืองกลุ่มก๊วน เขี้ยวลากเพียงไร แต่อีกด้านหนึ่ง นักการเมืองก็เข้ามารับฟังปัญหาประชาชนที่อัดอั้นมานาน จากยุครัฐประหารราชการเป็นใหญ่

เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมันเปะปะ ไม่รู้จะเอาไงแน่ แต่ละกระทรวงประกาศทำโน่นทำนี่ ตกลงกันก่อนหรือเปล่า รถไฟฟ้า 15 บาท ประยุทธ์ก็เบรกหัวทิ่ม บางนโยบายพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เช่นรถตู้โดยสาร เคยเข้มงวดจน “เจ๊งเพราะ คสช.” ตอนนี้ศักดิ์สยามจะผ่อนปรน ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุก็โวยขรม

กัญชาก็กลายเป็นยาวิเศษแห่งชาติ ทั้งที่หมอส่ายหน้าทั้งกระทรวง แต่ขวางไม่ได้ ได้แต่น้ำท่วมปาก เพราะรัฐมนตรีมีอำนาจ รัฐมนตรีโหนกระแสผู้ป่วย โหนความเชื่อซึ่งไหลเชี่ยวกรากท่วมทุกกลุ่มไลน์

ก็ไม่ได้บอกว่านักการเมืองผิด รัฐบาลที่แล้วถูก หรือนักการเมืองถูก รัฐบาลที่แล้วผิด แต่นี่คืออาการสวิงเปะปะ ของเรือแป๊ะที่พยายามปะผุ ระบอบ คสช.ที่เคยเข้มงวดประชาชน ผสมพันธุ์นักการเมืองที่แห่เข้ามาเอาใจชาวบ้าน

แล้วก็อยู่กันอย่างมั่วๆ ไร้หลักเกณฑ์ ไร้เสถียรภาพ ต่อรองผลประโยชน์เป็นครั้งๆ

ใบตองแห้ง

15 ส.ค.62

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน