ศึกการค้าเข้มข้นขึ้น
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
ศึกการค้าเข้มข้นขึ้น – ความตึงเครียดจากสงครามการค้าสองมหาอำนาจ จีน-สหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ล่าสุดนี้มีแนวโน้มยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้น เพราะต่างฝ่ายต่างเดินหน้าเก็บภาษีกับอีกฝ่ายเพิ่มขึ้น
จีนประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ รวมมูลค่ากว่า 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.2 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้ครอบคลุมสินค้าทางการเกษตร เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เคมีภัณฑ์ สิ่งทอ และรถยนต์
ส่วนสหรัฐประกาศตอบโต้จีนจะเพิ่มการเก็บภาษีอีก ระหว่างที่จะเปิดการเจรจาข้อตกลง การค้ากับจีนเพื่อปรับสมดุลกันใหม่
แต่ช่วงเวลานี้สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศยังน่าวิตก
ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารแห่งประเทศไทย ประเมินผลกระทบในส่วนของไทย ว่าความที่เราเป็นประเทศเล็กที่มีเศรษฐกิจเปิด คงหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อการ ส่งออกได้ยาก
หนทางประคองเศรษฐกิจของภาครัฐช่วงเวลานี้ คือการสนับสนุนให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุน เพื่อช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
เมื่อการส่งออกของไทย มีข้อมูลปลอบใจเล็กน้อยว่า หากเทียบกับประเทศในภูมิภาคนับว่า ยังกระจายตัว ทั้งในด้านประเทศคู่ค้าและด้านสินค้าที่ส่งออก
ส่งออกไทยจึงลดลงในช่วง 6 เดือน ที่ผ่านมาน้อยกว่าหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มที่ส่งออกสินค้าอิเล็ก ทรอนิกส์
ธปท.ประเมินด้วยว่า ภาคตลาดการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน มีแนวโน้มผันผวนสูงและอ่อนไหวต่อข่าวสารที่เกิดขึ้น
พร้อมแนะนำให้ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญ กับการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นธปท. ยินดีจะให้ความรู้เรื่องเครื่องมือต่างๆ แก่สมาชิกในการบริหารความเสี่ยงดังกล่าว
ส่วนกรณีดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง ตั้งแต่เปิดสัปดาห์ใหม่ รองนายกรัฐมนตรีแจ้งข่าวขอให้นักลงทุนอย่าตื่นตระหนกตกใจ เพราะการผันผวนของตลาดหุ้นเป็นกันทั่วทั้งโลก
แต่สำหรับประชาชน ยังไม่มีตัวแทนรัฐบาลที่ออกมาประเมินสถานการณ์ และชี้แจงว่า จากนี้ไปคนไทยจะได้รับผลกระทบอย่างไรจากสงครามการค้านี้ และต้องปรับตัวอย่างไร
..อ่าน..