FootNote:กระดูกพระราชกำหนดชิ้นใหญ่ คล้องคอรัฐมนตรีประชาธิปัตย์
พลันที่มีพระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ.2562 ออกมา
แม้ทุกสายตาจะทอดมองไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่หลายคนก็มากด้วยความเห็นอกเห็นใจ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) อย่างเป็นพิเศษ
เพราะนี่คืองานแรกที่จะต้องเข้าแบกรับ เข้าทำนอง “เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง” แต่ต้องเอากระดูกชิ้นเบ้อเริ่มเทิ่มเข้ามาแขวนคอ
นี่เป็นผลงานของรัฐบาลเก่า นี่เป็นผลงานของสภาเก่า
ประเด็นมิได้อยู่ที่เงื่อนไขของการตราพระราชกำหนดที่จะต้องเป็น เรื่องฉุกเฉิน เร่งด่วน เช่นในกรณีภัยพิบัติ และมีความเกี่ยวข้องกับการเงิน การคลังของประเทศ
อันแทบไม่มีอะไรใกล้เคียงกับการส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว
หากแต่ประการสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ บทเรียนไม่ว่าในยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม ไม่ว่าในยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผลสะเทือนของพระราชกำหนดมีความรุนแรงร้ายกาจ
ถึงกับ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ถึงกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต้องยุบสภา
สถานการณ์”พระราชกำหนด”ในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาบังเกิดขึ้นในห้วงที่เสียงของรัฐบาลดำรงอยู่ในลักษณะปริ่มน้ำ และแพ้โหวตในสภามาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 หน
นี่คือชะตากรรมที่ นายจุติ ไกรฤกษ์ ต้องมาแบกรับ
มีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องนำ”พระราชกำหนด”นี้เข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อต้องการได้รับการเห็นชอบจากสภา
นี่เท่ากับเป็นการออก”พระราชกำหนด”มาเพื่อสร้างเงื่อนไขในทางการเมืองโดยแท้
เป็นอีกโจทย์หนึ่งที่รัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์จะต้องรับผิดชอบร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็น”กระดูก”ชิ้นเบ้อเริ่มบนคอ”พรรคประชาธิปัตย์”