ต้องมีคำตอบ
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
ต้องมีคำตอบ – มติของศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่รับพิจารณาคำร้องเรื่องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ด้วยเหตุผลว่าเรื่องดังกล่าวไม่อยู่ในเขตอำนาจการพิจารณา
ทิ้งปัญหาที่ยังค้างคาใจสาธารณชนเป็นเวลาหลายเดือนอย่างน้อยในสองประเด็นอยู่ต่อไป
ประเด็นแรกก็คือ หากศาลรัฐธรรมนูญไม่มีหน้าที่วินิจฉัยประเด็นข้อสงสัย–ปัญหาในรัฐธรรมนูญ แล้วองค์กรใดจะเป็นผู้ชี้เกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานในการปฏิบัติสำหรับสังคม
ประเด็นต่อมาก็คือ เมื่อยังมีความคลุมเครือในประเด็นการถวายสัตย์
สถานะและมติต่างๆ ของรัฐบาลก็ยังพลอยคลุมเครืออยู่ต่อไป
ความคลุมเครือในสถานะของรัฐบาลต่อกรณีดังกล่าว ยังส่งผลต่อรัฐบาลต่อๆ ไปในอนาคต ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรจึงจะ ถูกต้อง
ควรที่จะปฏิบัติตามตัวบทกฎหมายในรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด หรือสามารถปฏิบัติได้ตามใจโดยการอ้าง “เจตนาดี” เป็นยันต์ป้องกันตัว
ความคลุมเครือยังส่งผลต่อเนื่องตามมา อันได้แก่มติครม. และคำสั่งๆ ต่างของรัฐบาลที่มีความคลุมเครือนั้น “ชอบด้วยกฎหมาย” หรือไม่
สามารถสั่งให้ข้าราชการและประชาชนเชื่อฟังและปฏิบัติตามหรือไม่ ในเมื่อรัฐบาลเองสามารถปฏิบัตินอกเหนือไปจากสิ่งที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ได้
แล้วบุคคลหรือองค์กรอื่นจะต้อง ให้ความเคารพกับรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเพียงใด
เมื่อยังไม่มีคำตอบจากศาลรัฐธรรมนูญ สังคมย่อมมีสิทธิ์ที่จะคาดหวังว่าการประชุมสภา ผู้แทนราษฎรในวันที่ 18 กันยายน ในกรณีดังกล่าว
ทั้งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ส.ส.จากพรรคในฝ่ายรัฐบาล รวมไปถึงส.ส.จากพรรคฝ่ายค้าน จะสามารถหาคำตอบหรือข้อสรุปให้แก่สังคมได้
เพราะหากรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ยังมีช่องโหว่มีปัญหา หากรัฐบาลที่จะต้องเป็นตัวอย่างของมาตรฐานในความถูกต้องยังไม่สามารถแสดงมาตรฐานนั้นออกมาได้
สังคมที่กฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์จะมีสภาพเป็นอย่างไร
ย่อมเป็นประเด็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง