รอยด่างรัฐบาล ไม่ใช่แค่น้ำท่วม

รอยด่างรัฐบาล ไม่ใช่แค่น้ำท่วมนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะชาวจังหวัดภาคอีสานและอุบลราชธานี ผู้ประสบความทุกข์ยากจากปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่

เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เปิดเผยระหว่างนำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย จ.อุบลราชธานี ตอนหนึ่ง

“สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชบายในการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับรัฐบาลด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งเราได้ดำเนินการตามแผนมาทั้งหมด และได้กราบบังคมทูลให้พระองค์ทรงทราบแล้ว พระองค์ทรงห่วงใยและให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะจิตอาสาที่ช่วยประชาชน”

ต่อปัญหาน้ำท่วมใหญ่ จ.อุบลฯ พล.อ. ประยุทธ์ นำคณะลงตรวจเยี่ยมสถานการณ์ในพื้นที่มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ครั้งที่สอง วันที่ 19 ก.ย. แต่ละครั้งก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ทั้งแง่บวกและลบ ทั้งที่โดยปกติน่าจะมีแต่เสียงชื่นชมยินดี ไม่สมควรมีเป็นอย่างอื่น

ทำให้เกิดข้อสงสัยตามมารัฐบาลเรือเหล็ก “แป๊ะ” คนเดิม ที่เพิ่งแล่นออกจากท่าแค่ 2 เดือนเศษ เจอมรสุมการเมืองและไม่การเมือง ซัดกระหน่ำติดกัน 2-3 ลูก ก็ถูกลมกระโชกพาเข้าสู่ช่วง “ขาลง” แล้วหรือไม่

ว่าด้วยเรื่องน้ำท่วมภาคอีสาน ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่วันนี้แปรเปลี่ยนเป็นภัยพิบัติทางการเมืองไปแล้วเรียบร้อย

รัฐบาลมาจุดนี้ได้อย่างไร ต้องพูดกันถึง ุ“ศุกร์ 13” ที่ผ่านมา ช่วงเวลามวลน้ำก้อนใหญ่ภาคอีสานไหลมารวมที่ จ.อุบลราชธานี กลายเป็นอุทกภัยครั้งร้ายแรงของจังหวัดในรอบ 41 ปี แต่ที่สร้างความเจ็บปวดให้ชาวบ้านก็คือ

การได้เห็นนายกฯ บินลงภาคใต้ อ้างไปตรวจโครงการหมื่นล้านแก้ปัญหาน้ำท่วม จ.นครศรี ธรรมราช ว่าถึงไหนแล้ว เพราะเดี๋ยวฝนก็ต้องเลื่อนลงไปตกภาคใต้ จึงต้องลงไปตรวจดูความพร้อมรับมือ

แต่ภาพที่ออกมาไม่เป็นเช่นนั้น

ตามหน้าสื่อหลักและสื่อโซเชี่ยลมีแต่ภาพ “เชฟใหญ่” ใส่หมวกกลับด้าน เอาการเอางานกับอาหารจานเด็ด “ใบเหลียงผัดไข่” พูดคุยเอิ๊กอ๊ากกับ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ผู้รู้ใจกันมาตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ 22 พฤษภาคม 2557

พล.อ.ประยุทธ์ บอกชาวบ้าน “ให้รักลุงสุเทพเยอะๆ เพราะเขาดูแลเรา”

เท่านั้นแหละก็เกิดเสียงวิจารณ์ถล่มแหลก จนพล.อ.ประยุทธ์ แทบอกแตกตายช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ พอถึงวันจันทร์ก็เลยระเบิดอารมณ์กลางงานสัมมนายุทธศาสตร์ชาติ ไม่สนใจสคริปต์ที่เตรียมมา

ไล่แขวะตั้งแต่คนอยู่นอกประเทศ ไปจนถึงตัดพ้อเวลาฝนตกน้ำท่วมก็โทษรัฐบาล รัฐมนตรีห่วยก็โทษนายกฯ ทั้งที่ตอนลงใต้เพิ่งบอกกล่าวชาวบ้าน ถ้ารักผมก็ต้องรักรัฐมนตรีของผมด้วย

นายกฯ ยังบ่นเบื่อไปไหนมาไหนก็มีแต่ประชาชนมาขอเงินๆๆ แต่พูดไม่ทันขาดคำ วันรุ่งขึ้นรัฐบาลก็เปิดโต๊ะรับบริจาคเงินประชาชนเอาไปช่วยน้ำท่วม จนถูกสังคมนินทาทำนองว่าภาษีก็เก็บ เงินบริจาคก็จะเอา

แบบนี้ใครขอเงินใครกันแน่

รัฐบาลต่อสายตรงลาก “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ที่กำลังทุ่มเทแรงใจแรงกายช่วยชาวอุบลฯ จากน้ำท่วมใหญ่

บินด่วนมานั่งโต๊ะรับบริจาคออกทีวี 2-3 ชั่วโมงจบได้เงินจากษริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่และองค์กรหน่วยราชการ ทั้งสิ้นกว่า 263 ล้านบาท โดยนายกฯ ควักกระเป๋าสมทบ 1 แสนบาท

แต่ทุกอย่างไม่ทันการณ์ เพราะเรื่องเปิดรับเงินบริจาค “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ชิงกระแสนำโด่งไปก่อน รัฐบาลมาทีหลังจึงได้แต่โหนกระแสไปตามเรื่อง หวังจะกู้ภาพก็เลยไม่ได้

จบเหตุการณ์นี้รัฐบาลยังต้องตอบคำถามอีกมากโดยเฉพาะเรื่อง “งบกลาง”

เพราะในจังหวะนายกฯ บ่นเบื่อประชาชนคอยแต่จะขอเงิน

ฝ่ายค้านก็ออกมาเปิดประเด็นงบกลางซึ่งควรถูกนำมาใช้แก้วิกฤตน้ำท่วม ภัยพิบัติเร่งด่วน กลับถูกนำไปโปะให้กองทัพบก 2.8 พันล้านบาท จัดซื้อยานเกราะสไตรเกอร์ เตรียมไว้ตั้งกรมยานเกราะในอนาคต

ไม่นับรวมตัวเลขงบบริหารจัดการน้ำ หลังตั้งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเมื่อปี 2558 มีพล.อ. ประยุทธ์ เป็นประธาน ในรอบ 4 ปีงบประมาณ 2559-2562 ใช้งบไปแล้วกว่า 2.3 แสนล้าน

ผลปรากฏว่าน้ำท่วม-ภัยแล้งยังเกิดซ้ำซากทุกปี

นอกจากนี้เงินบริจาค 263 ล้านที่รัฐบาลได้มา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ หรือ “บิดาแห่งการยกเว้น” บอกว่า

เงินบริจาคช่วยน้ำท่วมผ่านรัฐบาลต้องใช้ผ่านกองทุนประสบภัย ต้องใช้เวลาเบิกจ่าย เนื่องจากต้องตรวจสอบความเสียหายก่อนเยียวยา และยังต้องผ่านการตรวจสอบจาก สตง. จะเอาไปเดินแจกแบบ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ไม่ได้

เสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล“สอบตก”แก้น้ำท่วม เป็นแรงกดดันให้รัฐบาลต้องเร่งหาทางกอบกู้ภาพลักษณ์กลับคืนโดยด่วน ก่อนต้นทุนคะแนนนิยมจะสลายหายไปกับสายน้ำจนหมด

จึงเป็นที่มาของการที่พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี รอบสอง แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นอีกเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ร้องถามหาส.ส.พรรคเพื่อไทยว่าหายหน้าไปไหน ทำไมไม่มาต้อนรับ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย จึงได้ตอบคำถามนี้ด้วยการโพสต์ภาพส.ส.อุบลฯ พรรคเพื่อไทย 8 เขต อดีตผู้สมัครส.ส. 2 เขต กำลังลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลฯ เขต 10 พรรคเพื่อไทยตอบโต้นายกฯ ดุเดือด “ผมไม่ทราบว่าเทวดาจะไป จ.อุบลฯ”

“เราพรรคเพื่อไทยเดินกับชาวบ้าน ไม่ไช่ไปสิบนาทีระดมทหารตำรวจเกือบครึ่งหมื่นให้เจ้าหน้าที่เดือดร้อน และส.ส.อุบลฯ พรรคเพื่อไทย ไม่มีเวลาไปเลียแข้งเลียขา นายกฯ และไม่มีความจำเป็นต้องไปต้อนรับ”

เป็นที่มาของแฮชแท็ก #นายกฯ เทวดา

สื่อโทรทัศน์บางช่องนำเสนอข่าวทหารสั่งให้ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมรื้อเพิงพักเพื่อเคลียร์พื้นที่รอต้อนรับนายกฯ

จนโฆษกรัฐบาลต้องแถลงปฏิเสธว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิดของทางจังหวัด รัฐบาลไม่ได้สั่งให้รื้อเพิงพักของชาวบ้านแต่อย่างใด

จะอย่างไรก็แล้วแต่ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นรัฐบาล “เรือเหล็กแป๊ะคนเดิม” ใช้ระยะเวลาแค่สั้นๆ เดินทางมาถึงช่วง “ขาลง” ไม่ว่าจะพูดอะไรหรือทำอะไรก็ดูเหมือนผิดพลาดไปทั้งหมด ยังคงเกรี้ยวกราด แต่ก็ไม่น่าเกรงขาม

ตอนนี้เริ่มมีกระแสร่ำลือ เหตุที่รัฐบาลมีเค้าลางว่าอาจไปเร็วกว่ากำหนด เพราะ นายกฯ และรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระมหากษัตริย์ ด้วยถ้อยคำไม่ครบถ้วนถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ

การถวายสัตย์ ถือเป็นประเพณีปฏิบัติศักดิ์สิทธิ์ เหมือนที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยอภิปรายในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ว่าหากรัฐบาลทำผิดต่อคำถวายสัตย์ ต้องมีอันเป็นไป

ในการอภิปรายทั่วไปจากเดิมรัฐบาลเตือนแกมขู่ฝ่ายค้าน อย่าอภิปรายก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง ปรากฏพอถึงเวลาจริงกลับเป็นผู้ใหญ่ในรัฐบาลที่อภิปรายตอบฝ่ายค้านด้วยเนื้อหาในสิ่งที่ตัวเอง ห้ามไว้

สุดท้ายถึง“บิดาแห่งการยกเว้น”จะพาพล.อ.ประยุทธ์ เอาตัวรอดไปได้ข้างๆ คูๆ ด้วยเหตุที่เป็นแค่อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ

ก็เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นรอยด่างติดตัวนายกฯ และรัฐบาลไปตลอด ไม่รวมถึงการที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นผ่านประธานสภาไปยังศาลฎีกาสอบจริยธรรม และการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในอนาคต

แม้จะมีข่าวดีกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าหัวหน้า คสช. ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ขาดคุณสมบัติเป็นนายกฯ อยู่ในอำนาจต่อไปได้

ส่วนจะสง่างามหรือไม่ เป็นอีกเรื่องที่แล้วแต่คนจะมอง เพราะถึงจะรอดคำตัดสินของศาลฯ

แต่รอดจากคำตัดสินของประชาชนหรือไม่ หาคำตอบได้ไม่ยาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน