เตะสกัดแก้รธน. ตัดไฟหรือโหมไฟ?

เตะสกัดแก้รธน. ตัดไฟหรือโหมไฟ? – อุณหภูมิการเมืองยกระดับร้อนแรง

พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ มือกฎหมาย คสช. จากกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า รับมอบอำนาจจากแม่ทัพภาค 4 ในฐานะผอ.รมน.ภาค 4 เข้าแจ้งความดำเนินคดี 12 แกนนำพรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

ประกอบด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ น.ส.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ นายสมพงษ์ สระกวี อดีตส.ว. นายมุข สุไลมาน นายรักชาติ สุวรรณ นางอสมา มังกรชัย และนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ

สืบเนื่องจากการจัดเสวนา “พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” ที่ จ.ปัตตานี เมื่อ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา

อันมีเนื้อหาข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องต่อประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบภายในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน

ทั้งนี้ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต

เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน หรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี

ไม่รู้ว่าบังเอิญ หรือจงใจ วันเดียวกันนายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดให้พิจารณากรณี ดร.ชลิตา 1 ใน 12 ผู้ถูกกล่าวหาโดย กอ.รมน.

กรณีแสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ บนเวทีสัญจรของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ตอนหนึ่ง “ประเทศไทยอาจจะไม่จำเป็นต้องมีรัฐเดี่ยวหรือแบบรวมศูนย์ ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตรา 1 ด้วยก็ได้”

เพื่อให้อัยการสูงสุดร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งให้ ดร.ชลิตา รวมถึง 7 พรรคหยุดการ กระทำดังกล่าว

โดยอ้างถึงประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ที่บัญญัติว่า การดำเนินการที่นำไปสู่การแบ่งแยกประเทศนั้นจะกระทำมิได้ มีความผิดถึงขั้นประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต

ดร.ชลิตาตอบโต้กรณีดังกล่าวว่า มีการตัดตอนเนื้อหาที่ตนเองบรรยายในลักษณะไม่ตรงกับเจตนาและความตั้งใจใน การนำเสนอ ทั้งยังนำคลิปและถอดคำพูดเต็มจากการบรรยายดังกล่าวมาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก โดยละเอียด

แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการกระทำของเครือข่ายผู้ถืออำนาจได้

“ถ้าแก้กฎหมายแบบนี้ถือว่าผิด เพราะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือประเทศไทย”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ระบุก่อนกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าจะส่งพล.ต. บุรินทร์ ทองประไพ เข้าแจ้งดำเนินคดีกับ 12 นักการเมืองและนักวิชาการ เพียง 1 วัน

และ 2 วัน หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหมปฏิเสธ “ถือธงนำ” แก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่พรรคฝ่ายค้านต้องการ

“ผมคงไม่ไปนำธงอะไรทั้งสิ้น ที่พูดว่าสังคมต้องการ บางครั้งก็ต้องถามกลับว่าเป็นสังคมของกลุ่มไหน ประชาชนที่ว่าเป็นประชาชนกลุ่มไหนหรือพรรคการเมืองไหน ใช่คนทั้งประเทศหรือเปล่า” นายกฯ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวถึง เรื่องนี้ว่า การพูดของดร.ชลิตา เป็นความเห็นทางวิชาการ พร้อมย้ำว่า 7 พรรคฝ่ายค้านยืนยันการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่แตะต้องหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์

โดยวางเป้าหมายแก้ไขในเรื่องสิทธิเสรีภาพ ที่มา ส.ว.และองค์กรอิสระ

ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีของ กอ.รมน.นั้น ถือเป็นการข่มขู่ คุกคามสิทธิเสรีภาพ ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองดำเนินการตามบทบาทในระบอบประชาธิปไตย หากแจ้งความโดยที่พรรคฝ่ายค้านไม่ได้ทำผิด คงต้องฟ้องกลับ

ทั้งนี้ มีการประเมินความเคลื่อนไหวฝ่ายผู้มีอำนาจก็เพื่อ “ตัดไฟ แต่ต้นลม”

สกัดไม่ให้กระแสการแก้ไขรัฐธรรมนูญลุกลาม จากการที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรค เปิดปฏิบัติการเดินสายสัญจรไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ตั้งแต่ช่วงก่อนปิดสมัยประชุมสภา และมาโหมหนักช่วงปิดสมัยประชุมสภา

จุดประสงค์ฝ่ายค้านเพื่อปูกระแสสอดรับทันที ที่เปิดประชุมสภาสมัยหน้าวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่า จะมีการพิจารณาตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่หลายพรรคการเมืองเสนอร่วมกันยื่นญัตติคาไว้ในสมัยประชุมสภาที่แล้ว

ไม่ว่าในนาม 7 พรรคฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา หรือกระทั่งพรรคพลังประชารัฐก็ยังเสนอญัตติด่วนตั้งกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษา หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกระบวนการคิดเห็นของประชาชน

พรรคฝ่ายค้านวางกรอบการเคลื่อนไหวนอกสภาเป็น 3 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 สร้างการรับรู้ของประชาชนว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา ระยะที่ 2 สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนว่าเมื่อรัฐธรรมนูญมีปัญหา จะกระทบถึงปัญหาปากท้องของประชาชนอย่างไร และ

ระยะที่ 3 สร้างฉันทามติจากทุกภาคส่วน แสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อนำไปสู่ การกดดันให้ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว. ให้หันมาร่วมมือกับฝ่ายค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ

จากการเดินสายจัดเสวนาและเปิดเวทีปราศรัยนอกสภาต่อเนื่อง

ทำให้ประชาชนเริ่มตื่นตัวคล้อยตามพรรคฝ่าย ค้าน รวมถึงแนวร่วมกลุ่มนักวิชาการ ซีกประชาธิปไตยที่มีความเห็นต่อต้านรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นทุนเดิม ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ก็พร้อมร่วมเคลื่อนไหว

อาทิ กลุ่มคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน หรือครช. มีนายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ เป็นแกนนำ ร่วมกับภาคประชาชน นักวิชาการและนักศึกษา 28 เครือข่าย นัดจัดกิจกรรมแก้รัฐธรรมนูญวันที่ 5 ต.ค. ที่ มธ.ท่าพระจันทร์ ในงานรำลึก ครบรอบ 43 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ

ยังมีกลุ่มภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชา ธิปไตย มีนายอนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานสถาบันปรีดี พนมยงค์ รวมถึงนายโคทม อารียา และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร 2 อดีตกกต.ร่วมเป็นแกนนำ คาดว่าจะเปิดตัวเป็นแนวร่วมนอกสภา เคลื่อนไหวแก้รัฐธรรมนูญภายในเดือนต.ค.นี้

“การเปิดตัวเราต้องการให้มีการคิกออฟแรงๆ เพื่อทำให้เกิดกระแส เหมือนที่สังคมไทยเคยร่วมรณรงค์ตอนที่เราสร้างกระแสธงเขียว ตอนช่วงโหวตผ่านรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 เราต้องการให้เกิดเช่นนั้น”นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ระบุ

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีกอ.รมน.แจ้งความเอาผิด 12 แกนนำฝ่ายค้านและนักวิชาการ เป็นความพยายามใช้ช่องทางกฎหมายปิดปากบุคคลที่ต้องการแสดงความคิดเห็น ไม่ต่างกับการสืบทอดอำนาจ คสช.

เปรียบเสมือน “คสช.ภาค 2”

โดยเชื่อว่าสาเหตุการแจ้งความเอาผิดครั้ง นี้มี 2 เหตุผล คือ กลบเกลื่อน “ขาลง” รัฐบาล การบริหารงานที่ผิดพลาด ปัญหาเศรษฐกิจที่ยังไม่แก้ไข กลบเกลื่อนเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ขณะนี้สังคมเริ่มตอบรับ

พร้อมยืนยันกระบวนการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญโดย 7 พรรคฝ่ายค้ายเดินหน้าต่อ แน่นอน

เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้น่าสงสัยว่าการดำเนินการของกอ.รมน. ไม่ว่ารัฐบาลจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ก็ตาม เพื่อหวังจะตัดไฟแต่ต้นลม สุดท้ายก็ยังต้องรอดูว่า การแจ้งความดำเนินคดีกับ 12 นักการเมืองและนักวิชาการ

จะยิ่งเป็นการโหมไฟให้ร้อนแรงมากขึ้น หรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน