บทบรรณาธิการ
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า สำนักนายกรัฐมนตรีไม่ได้ออก 9 ข้อห้ามหรือระบุการลงโทษหนัก ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ของสำนักนายกฯ แถลงชี้แจงอย่างชัดเจน
รายละเอียดข้อมูลที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์นั้น พบว่ามาจากการยกแนวทางที่คณะรัฐมนตรีเคยขอความร่วมมือจากประชาชนมาใช้ในปี 2559
ไม่ว่าจะเป็น ห้ามแต่งกายโป๊รัดรูป เน้นการแต่งกายด้วยผ้าไทย ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่จัดงาน ห้ามเล่นน้ำที่มีสิ่งเจือปน ห้ามใช้ปืนฉีดน้ำที่มีแรงดันสูง ฯลฯ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้รัฐบาลระบุว่าเป็นเพียงการเผยแพร่ข้อมูลเก่า ซึ่งแท้จริงแล้วมิได้มีบทลงโทษร้ายแรงแต่อย่างใด
การชี้แจงอย่างชัดเจนเช่นนี้จึงน่าจะเป็นผลดีต่อบรรยากาศเทศกาลสงกรานต์ที่เริ่มต้นในสัปดาห์นี้
อย่างน้อยก็มีคำยืนยันว่าการเล่นน้ำหรือเข้าร่วมกิจกรรมวันสงกรานต์นั้นไม่ใช่เรื่องที่รัฐจะต้องเข้ามากำกับดูแลประชาชนมากเกินไปนัก
เนื่องจากข้อแนะนำแต่ละข้อนั้น มีทั้งกฎหมายและคนในสังคมดูแลอยู่ หากเกิดการกระทำ ล้ำเส้นขึ้น
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลเรื่องข้อห้ามที่เผยแพร่ออกมานั้น มีเจตนาจะทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล เพราะเกิดต่อเนื่องจากกรณีควบคุมการโดยสารนั่งท้ายรถกระบะ ซึ่งต่อมารัฐผ่อนผันอะลุ้มอล่วยให้
กรณีเช่นนี้คงไม่ได้เกิดผลร้ายแรงนัก เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เอง
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ภาคราชการพยายามรณรงค์ให้ประชาชนเลือกนำข้อแนะนำที่ดีไปปฏิบัติ เพื่อรักษาคุณค่าของวัฒนธรรมประเพณีที่งดงาม มุ่งหวังให้เกิด ความภาคภูมิใจในชาติและเป็นที่ชื่นชมของ นักท่องเที่ยว
หากแต่ในสภาพความเป็นจริง ภาคราชการหรือรัฐบาลอาจไม่ต้องกังวลกับการรณรงค์เกินไปนัก
เพราะกิจกรรมหรือการละเล่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นวัฒนธรรมของสังคม ไม่ได้กำหนดขึ้นไม่ได้มีรูปแบบตายตัวหรือหยุดนิ่ง
เสน่ห์ของสงกรานต์ในไทยมาจากเสรีภาพทางวัฒนธรรมของประชาชน