ตรวจจับไวไฟ

คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

ตรวจจับไวไฟ – คําอธิบายของเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงการเตือน ให้ร้านกาแฟ ร้านที่ให้บริการต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านไวไฟ จัดเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ของลูกค้าเป็นเวลา 90 วัน ยืนยันว่าประชาชนผู้ใช้บริการไม่ต้องกังวลหรือตื่นตระหนก เพราะยังดำเนินการต่างๆ ได้ตามปกติ

คำเตือนนี้มีผลต่อผู้ให้บริการเท่านั้น ไม่ได้ทำให้ประชาชนต้องยุ่งยาก ลำบาก หรือเกิดความเสียหายแต่อย่างใด

นอกจากมีกฎหมายรองรับตั้งแต่ปี 2550 แล้ว ยังถือเป็นหลักสากล ที่นานาประเทศดำเนินการ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและความมั่นคงภายในประเทศ

คำชี้แจงนี้ดูเป็นเหตุเป็นผล แต่อาจไม่ช่วยคลายความคลางแคลงใจให้ประชาชนเท่าใดนัก

เจ้าหน้าที่ไม่ได้เอ่ยถึงผลกระทบต่อผู้ให้ บริการสัญญาณไวไฟตามร้านค้ารายย่อยต่างๆ ว่าต้องประสบความยุ่งยากใดๆ หรือไม่ในการจัดเก็บข้อมูลนี้ และกระทบกับธุรกิจหรือไม่

ไม่ได้เอ่ยถึงผลกระทบหลังจากรัฐบาลประกาศชัดเจนว่า หากไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกลงโทษ

การจัดเก็บข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่รัฐใช้ใน การสืบสวนสอบสวนกรณีเกิดการกระทำความผิดตามกฎหมายต่างๆ จะทำให้เจ้าของร้านผู้ให้บริการไวไฟ เสี่ยงต่อการถูกคุกคามจากลูกค้าที่มาใช้บริการด้วยหรือไม่ หากลูกค้ารายนั้นๆ ไม่ต้องการให้ข้อมูลถึงมือเจ้าหน้าที่

ประเด็นสำคัญที่ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางคือการเก็บข้อมูลนี้ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตหรือไม่

การละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ อินเตอร์เน็ตเป็นประเด็นใหญ่ของโลก ไม่ใช่ว่าจะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางตามที่ เจ้าหน้าที่ของไทยเอ่ยถึง

มหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา ผู้นำด้านสิทธิเสรีภาพก็เคยเกิดกรณีอื้อฉาวที่รัฐบาลสอดส่องประชาชนในโลก ออนไลน์มาแล้ว ส่วนจีน ก็ยังคงถูกมองว่าเซ็นเซอร์โลกออนไลน์อย่างเข้มข้น

การจัดการต่อสู้กับข่าวปลอมจึงเป็นภารกิจ ที่ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน องค์กรสื่อมวลชน พยายามหาจุดสมดุลที่สุด

ถึงเวลานี้ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว นอกจากการร่วมกันตรวจสอบ พร้อมป้องกันฝ่ายมีอำนาจหาประโยชน์กับข้ออ้างข่าวปลอม ด้วยการจำกัดเสรีภาพของประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน