‘บิ๊กแดง’เปิดใจ-แผ่นดินของเรา ในมุมมองด้านความมั่นคง : รายงานพิเศษ

‘บิ๊กแดง’เปิดใจ-แผ่นดินของเรา ในมุมมองด้านความมั่นคง – เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. บรรยายพิเศษหัวข้อเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” โดยเชิญนักเรียน นิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ ผู้นำองค์กร นักศึกษาวิชาทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน ศิลปินดารา ตลอดจนสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศร่วมฟังประมาณ 400-500 คน

การบรรยายประกอบด้วยภาพและวีดิทัศน์ ถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นรวมถึงการชุมนุม การก่อการร้ายในต่างประเทศและการพูดบางช่วงพล.อ.อภิรัชต์ ยังมีน้ำตาคลอด้วย

ปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองทั้งภายในและนอก ประเทศเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กองทัพบกในฐานะที่รับผิดชอบดูแลด้านความมั่นคงของชาติ จึงจำเป็นต้องปรับองค์กรและภารกิจให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง โดยยึดมั่นในการดำรงไว้ซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตลอดจนการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในทุกโอกาส

อาณาจักรของไทยในอดีตยิ่งใหญ่ แต่เราก็เสียดินแดนหลายครั้งให้กับลัทธิผู้ล่าอาณานิคม ซึ่งล่าสุดเสียเขาพระวิหารให้กัมพูชา ผมจึงมีความรู้สึกหวงแหนแผ่นดิน

ในฐานะเด็กคนหนึ่งตั้งแต่ปี 2515 เห็นข่าวเฮลิคอปเตอร์ถูกผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ยิงตกที่ จ.ราชบุรี ซึ่งฮ.ลำนั้นมีพ่อของผมคือ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ถูกยิง ผมถามตัวเองว่าทำไมต้องยิง ฮ.พ่อผมด้วย ในเมื่อท่านทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน ซึ่งมีผกค.เข้าไปในหมู่บ้านและยิงชาวบ้านเสียชีวิต

สถาบันพระมหากษัตริย์ ทหาร ประชาชนเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกและแยกกันไม่ได้

พร้อมฉายภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 10 แต่งเครื่องแบบทหารร่วมปฏิบัติการปราบผกค.ในยุทธการบ้านหมากแข้ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย เมื่อปี 2519 โดยร่วมรบกินนอนกับทหารกระทั่งคอมมิวนิสต์สิ้นสุดลง

จากนั้นคอมมิวนิสต์กลับออกจากป่ากลายมาเป็นนักการเมือง แต่ก็ยังฝังชิพลัทธิคอมมิวนิสต์ในหัว เป็นพวกหัวเดิมๆ

พล.อ.อภิรัชต์ ยังขึ้นภาพและข้อความ ‘โจชัว หว่อง’ และกล่าวว่า วันนี้ฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน วันนี้ไม่ค่อยมีคนอยากไปฮ่องกง แต่กลับมีนักการเมืองบางคนเดินทางไปให้กำลังใจนายโจชัว หว่อง แกนนำผู้ชุมนุมแล้วโพสต์ให้เห็นในโซเชี่ยลมีการพบกันและสมคบคิด มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ ซึ่งตอนนี้มีการประท้วงกันอยู่ก็ไปเยี่ยมเหมือนไปให้กำลังใจให้การสนับสนุน เรื่องนี้ในสื่อออนไลน์มีการเสนอข่าวและภาพเหตุการณ์ทั้งหมด

ฝ่ายความมั่นคงของหลายประเทศมีการประเมิน เหตุการณ์ที่ฮ่องกง มีแนวโน้มที่จะกระทบต่อประเทศอื่นๆ ยกเว้นประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งสังเกตได้จากผู้ชุมนุมเป็นกลุ่มวัยรุ่น

การที่นายโจชัว หว่อง มาไทยเคยมาพบกับใคร มาพบกับคนประเภทไหน เพื่อมาวางแผนอะไรหรือเปล่า พร้อมไปเยี่ยมในลักษณะแบบให้กำลังใจและให้การสนับสนุนด้วย ไปหาดูได้ในสื่อต่างๆ

ฮ่องกงเป็นเกาะ เคยอยู่ภายใต้อังกฤษ ที่ผมพูดถึงภูมิศาสตร์ เพราะแตกต่างจากไทยที่เป็นผืนแผ่นดินเดียวกัน ซึ่งคนที่ออกมาวัยรุ่นทั้งนั้น

ผมจึงขอถามนักศึกษา ว่าคนที่ยั่วยุปลุกปั่น คนที่ใช้โซเชี่ยล การโฆษณาชวนเชื่อมาปั่นสมองให้ออกมาแบบฮ่องกงจะทำหรือไม่ เราจำภาพเหตุการณ์บ้านเมืองปี 2552-2553 ได้หรือไม่ นักเรียนและนักศึกษาที่ผมไปพบต่างไม่ทราบและลืมเหตุการณ์เหล่านี้ไปแล้ว มีการเพิ่มข้อมูลซ้ำๆ ทางโซเชี่ยล จนข้อเท็จจริงถูกลบไป ก็เป็นทฤษฎีหนึ่งที่เกิดขึ้น

ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่กับ Hybrid Warfare หรือ สงครามลูกผสม หมายถึง สงครามที่ใช้การผสมผสานกันของเครื่องมือ ทั้งจากสงครามตามแบบ และสงครามไม่ตามแบบ ซึ่งไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นทฤษฎี และไม่ใช่สิ่งที่อุปโลกน์ขึ้นมา แต่ถูกศึกษาทำเป็นทฤษฎีจากประสบการณ์ประเทศต่างๆ ที่ล่มสลายไป

สงครามลูกผสม แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ Regular Military Forces หมายถึง กองกำลังของรัฐบาล คือ กำลังทหารปกติที่รักษาเสถียรภาพความมั่นคงของประเทศ และ Special Forces คือกำลังทหารรบพิเศษ ใช้ต่อต้านการก่อการร้าย และปฏิบัติการรบในสงครามนอกรูปแบบ

ส่วนที่ 2 กองกำลังของฝ่ายตรงข้าม คือ Irregular Forces กลุ่มกองกำลังที่ไม่ใช่ทหาร เช่น กลุ่มก่อการร้าย การก่ออาชญากรรม มวลชน การต่อต้านอำนาจรัฐ หรือกลุ่มที่เข้ามาวางระเบิดในกรุงเทพฯ 8 จุด และไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่

ผมไม่ได้พูดเพื่อท้าทายและที่พูดครั้งนี้จะ มีปฏิกิริยาโต้ตอบจากสังคมโซเชี่ยล แต่อย่าทำร้ายประเทศ ผมอยากให้ทุกคนได้รู้เท่าทันว่า สงครามลูกผสมเกิดขึ้นแล้วในประเทศ

สำหรับ Support of Local Unrest คือ การสนับสนุนจากประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งหมายรวมประชาชนทั่วไป รวมถึงต่างประเทศในโลก กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนในท้องถิ่น เช่น นักการเมืองระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่น เศรษฐีบริจาคเงินให้ไปทำกิจกรรม ทำเว็บไซต์ หรือ แหล่งข่าวให้กับฝ่ายตรงข้าม

InFormation WarFare Propaganda คือ กลุ่มสงครามข่าวสารข้อมูลและการโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นเรื่องใหญ่ของทั่วโลก แต่สำหรับประเทศไทยหนักมาก น่าห่วง

กลุ่มคอมมิวนิสต์ ที่ไม่ได้กลับตัวกลับใจ ยังมีแนวความคิดล้มล้างระบอบสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้ประเทศไทยเป็นรูปแบบคอมมิวนิสต์ คนพวกนี้อายุมากแล้ว ไม่ออกตัว แต่เป็นมาสเตอร์มายด์ คือ นักวิชาการ ถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่น และผนึกกำลังร่วมพวกอาจารย์นักวิชาการ ที่ไร้จรรยาบรรณ ปลูกฝังนักเรียนสิ่งที่ผิด เด็กก็ต้องเชื่อ

ถือเป็นความคิดของกลุ่มคอมมิวนิสต์เดิม ที่อยู่ในฐานะมาสเตอร์มายด์ กับครูอาจารย์ที่ไปเรียนต่างประเทศ เป็นพวกซ้ายจัดและเรียนในประเทศที่เคยล่าอาณานิคมที่ยึดประเทศไทย เอาความคิดผสมผสานรวมกัน สร้างโฆษณาชวนเชื่อ แล้วนำแนวความคิดของตัวเองผ่านโซเชี่ยล ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ออกข่าวเฟกนิวส์ หรือแม้แต่การสร้างสัญลักษณ์เพื่อให้เป็นที่จดจำ เช่น เสื้อเหลือง เสื้อแดง ชู 3 นิ้ว

Diplomacy คือ ทูต โดยการใช้บุคคลระหว่างประเทศ องค์กรอิสระ เพื่อยกระดับเหตุการณ์และความสำคัญของกลุ่มตัวเองขึ้นมา เช่น การนำฝรั่งมาถ่ายรูปที่หน้าโรงพัก หรือนำมายืนอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อให้เห็นว่าเป็นสากล และมีความรุนแรง

Cyber Attacks คือ การโจมตีด้านไซเบอร์ และ Economic Warfare คือสงครามเศรษฐกิจ เช่น สงครามการค้าของจีนและสหรัฐ ซึ่งยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นประเทศมหาอำนาจ หรือประเทศเล็กๆ ก็ย่อมมีคนจน

การทำให้คนในประเทศรวยเท่ากันนั้นยาก แต่การทำให้คนในประเทศจนเท่ากันนั้นง่าย ซึ่งเป็นแนวความคิดของคอมมิวนิสต์

ทุกครั้งที่ประเทศเกิดภัยพิบัติหรือความ วุ่นวาย คนที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง แกนนำคนสำคัญหนีกันหมด ปล่อยให้ลูกน้องติดคุกติดคดีขึ้นศาล คนที่มาร่วมชุมนุมก็กลับไปจนเหมือนเดิม

อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย รู้จักและสนิทกับผมมาตั้งแต่รุ่นพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่หนีไปต่างประเทศว่าลำบากแค่ไหน ลูกก็ต้องมาลำบาก กว่าจะกลับมาประเทศไทยได้ อยู่ต่างประเทศไม่ได้สบาย และไม่มีเงิน

ที่พูดมาทั้งหมดไม่จำเป็นต้องเชื่อผม แต่ขอถามว่าปัญหาเรื่องความมั่นคงจะให้ใครแก้ นักวิชาการหรืออาจารย์ที่คบคิดกับพวกคอมมิวนิสต์ ร่วมกับนักเรียนนอกซ้ายจัดดัดจริต ที่ไปเรียนมาจากประเทศที่ล่าอาณานิคม อบรมสั่งสอนไร้จรรยาบรรณ ชอบอ้างเลข 2475 ชี้นำอ้างว่าเป็นนักประชาธิปไตย แต่มีวาทกรรมจาบจ้วง หรือเลือกกลุ่มนักการเมืองที่มุ่งหาประโยชน์ส่วนตัว เพื่อพวกพ้อง

ยังมีนักการเมืองบางคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เคยเกาะแข้งเกาะขานายทหารใหญ่ที่เป็นพ่อของผม ตั้งพรรคการเมืองมาจนบัดนี้เป็นใหญ่เป็นโต นำเรื่องศาสนาและแบ่งแยกดินแดนมาเป็นเครื่องมือเพื่อหาเสียง

หรือเชื่อกลุ่มนักการเมืองที่เป็นผึ้งแตก รัง ลูกพี่ใหญ่หนีคดีไปต่างประเทศ หรือจะเชื่อนักธุรกิจที่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง ชีวิตไม่เคยลำบาก เหมือนพวก “ฮ่องเต้ซินโดรม” เคยชุมนุมร่วมกับคนเผาบ้านเผาเมือง สมคบคิดกับชาวต่างชาติ ชักศึกเข้าบ้าน ล้างสมองคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นฐานให้ตัวเองเข้าสู่การเมือง ล้มล้างชาติ สถาบัน

3 กลุ่มที่พูดมา ไม่ผิดที่จะเป็นผู้นำประเทศและเป็นได้ และไม่ใช่ประเทศไทยไม่เคยมี 3 กลุ่มนี้มาเป็นผู้นำประเทศ แต่ถ้าเขาไม่ส่อพฤติกรรมล้มล้างสถาบัน เปลี่ยนแปลงการปกครอง หาประโยชน์ส่วนตน เชิญมานำประเทศชาติให้เกิดความเจริญ แม้ความคิดเห็นต่าง แต่ถ้าไม่แบ่งแยกดินแดน ทหาร ตำรวจ ก็จะยืนเคียงข้าง

สิ่งที่เกิดขึ้นและส่งผลต่อการแก้ไขปัญหา ภาคใต้ เริ่มจาก ปี 2545 ยุคของรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ประกาศยุบศอ.บต. พร้อมประกาศว่า “ไม่มีโจรก่อการร้ายอีกแล้ว พวกที่เหลือเป็นแค่เพียงโจรกระจอก” ทุกคนที่นั่งตรงนี้จำได้เพราะเกิดทัน หลังจากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเริ่มยุทธการใบไม้ร่วง ลอบยิง วางระเบิด

เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เป็นเป้าหมายหลัก และที่สะเทือนใจทหารคือ 4 ม.ค.2547 เหตุการณ์ปล้นปืน 431 กระบอก ที่กองพันพัฒนาที่ 4 เจาะไอร้อง นราธิวาส ถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความรุนแรงรอบใหม่

หลังจากนั้นรัฐบาลสั่งให้กองทัพบกจัดหน่วย ทหารเฉพาะกิจจาก กรมทหารราบ กองทัพภาคที่ 1,2 และ 3 ลงไปดูแล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐน้อมนำพระราชดำรัส เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นไฟส่องทาง และในปี 2557 ยุคพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ สถานการณ์ภาคใต้เริ่มดีขึ้น รัฐบาลสั่งลดกำลังทหาร เหลือแต่ทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4

ส่วนผมมีความโชคดีเคยปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ 1 ปี 2 เดือน กับกำลังพลที่ร่วมปฏิบัติการด้วยกัน และโชคดีที่ได้กลับมาบ้าน แต่ผู้บังคับบัญชาที่เป็นรุ่นพี่ หรือผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นรุ่นน้อง กำลังพลคนอื่นไม่ได้กลับมาเห็นหน้าครอบครัว และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เช่น พ.อ.สุทธิศักดิ์ ประเสริฐศรี หรือผู้การเขียว ครูจูหลิง หมวดตี้ ผู้กองแคน จ่าเพียร สมหมาย นายยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เป็นต้น จะมีใครเข้าใจปัญหาได้ดี เข้าใจหัวใจของคนที่เคยอยู่ในภาคใต้ได้เท่าคนปฏิบัติงาน

ที่สำคัญการต่อสู้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าไหนคือประชาชนหรือผู้ก่อการร้าย เพราะแต่งตัวเหมือนกัน ความกดดันจึงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ที่ต้องการโจมตีหน่วยงานความมั่นคงและรัฐบาล พยายามสร้างตัวเลขให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยไม่แยกว่าเป็นการเสียชีวิตจากเรื่องความมั่นคง หรืออาชญากรรม

เช่นเดียวกับกรณีของกรุงเทพฯ ที่มีคนเสียชีวิตจากอาชญากรรมจำนวนเท่าไหร่ ถือเป็นการสร้างภาพให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้น่ากลัว

ไม่ใช่มาบอกว่าตายเป็นแสน แต่ไม่เคยสามารถแก้ปัญหาได้ ประชาชนบาดเจ็บเท่าไหร่ ตายเท่าไหร่รัฐไม่เคยแก้ปัญหาได้ นี่คือการพูดแบบนักการเมือง พูดแบบผู้ที่มีประโยชน์แอบแฝง

เหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้เบาบางไปมากแล้ว แต่เริ่มหนักขึ้นหลังเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.2562

เมื่อช่วงต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา มีคนเข้ามาลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯ 8 จุด ผมบอกได้เลยว่าฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ รวมถึงผมจะไม่วางมือโดยเด็ดขาด ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เชื่อมโยงกับใคร เอาคนจากข้างล่างไปวางแผนฝั่งโน้น และมาทำในกรุงเทพฯหลังมีการเลือกตั้งไม่กี่เดือน

หลังจากนั้นมีคนหนึ่งกลุ่มลงไปนั่งเสวนา นักวิชาการ อาจารย์บางคน นั่งเทียน ถ่ายโทรศัพท์มือถือแล้วบอกว่าเชี่ยวชาญชำนาญในภาคใต้ ต้องแก้ปัญหาแบบนี้ มีการยกประเด็นมาตรา 1 ในรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้

รัฐธรรมนูญไทย เริ่มต้นเมื่อปี 2475 มีการแก้ไขหลายครั้ง ขอย้ำว่าไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ แต่มาตรา 1 เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เกี่ยวกับเลือดเนื้อชีวิตของบรรพบุรุษที่รักษาขวานทองไว้ ผมบอกได้เลยว่าถึงผมตายไป ทหารรุ่นใหม่ก็จะเกิดขึ้นมาทดแทน และเชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงทุกคน ประชาชนจะรักษาแผ่นดินของเราไว้

ในโลกนี้ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนของประเทศใด ที่สามารถแบ่งแยกดินแดนได้ มันจบแล้ว ฉะนั้นถ้าแก้มาตรา 1 จะกระทบกับมาตราอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ นี่คือความชาญฉลาดของนักวิชาการ ที่ไม่พูดตรงๆ ว่าอยากทำอะไร จึงยกประเด็นมาตรา 1 เพื่อให้กระทบมาตราอื่น

ผมย้ำว่าไม่ได้มาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ผมไม่ยุ่งกับการเมือง แต่นี่คือเรื่องของฝ่ายความมั่นคง

ทหารเป็นเป็นเป้าถูกโจมตีมาตลอด ทุกยุค ทุกสมัยขอให้จำไว้ทหารทุกคนไม่ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล พวกผมก็รับใช้ ทำงานให้ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย ไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือเลือกนาย

แต่กลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้มองทหารปกป้อง รัฐธรรมนูญหรือประเทศชาติ แต่มองทหารเป็นอุปสรรคประชาธิปไตย ทั้งๆที่ทหารคือประชาชนเหมือนกัน จึงมีความพยายามโจมตีทหาร เพราะทหารคือเสาหลักความมั่นคง ป้องกันอธิปไตย

จึงมีวาทกรรมทุกครั้งมาหวังผลทางการเมือง เอาใจน้องๆวัยรุ่นไม่ต้องเกณฑ์ทหารบ้างละ ลดงบประมาณกองทัพบก งบประมาณกระทรวงกลาโหม จัดซื้ออาวุธทำไม หนักแผ่นดิน ประเทศไทยเปรียบเหมือนบ้านหลังใหญ่ เหนือหลังคาขึ้นไปคือสถาบันพระมหากษัตริย์

คนไทยทุกคน เป็นเจ้าของ 3 เสาหลักของประเทศไทย คือ 1.อำนาจนิติบัญญัติ ในการออกกฎหมายที่มาจาก ส.ส. เลือกกันมา สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 2.อำนาจบริหารซึ่งอยู่ที่คณะรัฐมนตรี ข้าราชการ ในการบริหารประเทศ 3.อำนาจตุลาการ ซึ่งสำคัญสุดเนื่องจากมีความพยายามทุกรูปแบบ ทำให้อำนาจตุลาการขาดความน่าเชื่อถือ ถามว่าการไม่เชื่อฟังหรือหลีกเลี่ยงอำนาจการตัดสินของศาล ในขณะที่ประเทศทั่วโลกมีศาลและกระบวนการยุติธรรม ส่วนประเทศไทยมีศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ศาลคดีนักการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญ

ผมจำได้ว่า ประมาณปี 2545-2546 ได้เข้าไปฟังการตัดสินยุบพรรคการเมือง หลังมีการตัดสินยุบพรรคการเมืองหนึ่ง เริ่มมีความ ไม่พอใจ แสดงออกในรูปแบบต่างๆ พยายามแทรกแซงผู้พิพากษาทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ บางคนถูกตัดสิน แต่ไม่อยู่ยอมรับผิด เงินซื้ออะไรก็ได้ แต่ซื้อความยุติธรรมในประเทศไทยไม่ได้

ถ้าเราไม่นึกถึงอำนาจศาลตุลาการก็จะมีโจร ทั่วบ้านทั่วเมือง ใครมีเงินทำผิดก็หนีไปต่างประเทศ จะยอมให้ 3 เสาหลักนี้ถูกเซาะกร่อน แล้วบ้านหลังนี้จะอยู่อย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน