พลันที่ นายชวน หลีกภัย ออกมายืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีความเหมาะสมในตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค”

ก็เริ่มมี “ความแจ่มชัด”

น้ำเสียงที่ว่า อาจจะมีความพยายามผลักดัน นายศุภชัย พานิชภักดิ์ หรือ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ มาแทนที่

ก็อาจจะค่อยๆเงียบ

ที่เงียบมิใช่เพราะว่าเงื่อนไข 1 เพราะ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ มิได้มีความปรารถนา

หรือที่เข้าใจว่าจะเป็น นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นเข้าใจผิด

เข้าใจผิดว่า จะมีแรงดันมาจากกลุ่มของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆเกิดขึ้นภายในพรรคประชาธิปํตย์

แท้จริงแล้วเป็นเพราะชื่อ “ชวน”

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายชวน หลีกภัย คือนักการเมืองที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งใหญ่ ยรรยง

สามารถทะยานไปสู่ตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี”

หลังจากยุค ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช แล้วก็ไม่มีใคร ไม่ว่า พ.อ. ถนัด คอมันตร์ ไม่ว่า นายพิชัย รัตตกุล

ยิ่งกว่านั้น ยังทำให้ยึดครอง”ภาคใต้”ได้เกือบ”เบ็ดเสร็จ”

นับจากยุคของ นายชวน หลีกภัย เป็นต้นมาฐานกำลังของพรรคประชาธิปัตย์ก็วางไว้ที่ “ภาคใต้”

นอกเหนือจาก กรุงเทพมหานคร

ไม่ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ว่า นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ล้วนเคยทำงานรับใช้ นายชวน หลีกภัย มาแล้ว

“เสียง”ของ นายชวน หลีกภัย จึงทรง”ความหมาย”

นอกเหนือจากหัวหน้าพรรคชื่อ นายชวน หลีกภัย แล้วก็มีแต่ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้นที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ผงาดเด่น

ผงาดเด่นกว่ายุค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน

เพราะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สามารถทะยานไปเป็น”นายก รัฐมนตรี” ได้เมื่อเดือนธันวาคม 2551แม้จะเป็นไปตาม”บันได 4 ขั้น”

แต่ก็ทำให้สถานะทางการเมืองของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปยืนเรียงเคียงกับ นายชวน หลีกภัย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้

ตรงนี้แหละคือฐานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน