FootNote:พื้นที่แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พลังประชารัฐ VS ประชาธิปัตย์
หากญัตติด่วนมากจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาและพิจารณาหาหลักเกณฑ์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มีความสำคัญ
การเสนอชื่อ “กรรมาธิการวิสามัญ” การเลือก “ประธาน” คณะกรรมาธิการวิสามัญ ยิ่งมีความสำคัญเป็นอย่างสูง
เพราะ 1 พรรคพลังประชารัฐ ยืนยันอย่างหนักแน่นมาแล้วว่าตำแหน่ง “ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ” ต้องเป็นของพรรคพลังประชารัฐ
ขณะเดียวกัน เพราะ 1 พรรคประชาธิปัตย์มีมติเห็นชอบเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นกรรมาธิการวิสามัญ เป้าหมายแท้จริงคือตำแหน่ง”ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ”
นี่คือการต่อสู้ ทั้งยังเป็นการต่อสู้อันแหลมคมยิ่งทางการเมือง
ไม่ว่าในที่สุดแล้วจำนวนคณะกรรมาธิการวิสามัญจะเป็น 50 กว่าคนตามความเห็นของ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ในฐานะตัวแทนครม.ประสานกับวิปรัฐบาล
ไม่ว่าในที่สุดแล้วจำนวนคณะกรรมาธิการวิสามัญจะเป็น 49 คน ตามความเห็นจากพรรคเพื่อไทย
นั่นก็คือ ครม. 12 พรรคร่วมรัฐบาล 18 ฝ่ายค้าน 19
จำนวนของครม. 12 เมื่อผนวกเข้ากับ 18 ของพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็น 30 มากกว่า 19 ของฝ่ายค้านอย่างแน่นอน
พื้นที่ของกรรมาธิการจึงเป็นของครม.และพรรคร่วมรัฐบาล
ประเด็นอยู่ที่ว่าเมื่อเป็นการต่อสู้ระหว่างคนของพรรคพลังประชารัฐกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลทั้งคู่ คะแนนของฝ่ายค้านจะเทให้กับคนของพรรคการเมืองใด
เทให้กับพรรคพลังประชารัฐ หรือเทให้กับพรรคประชาธิปัตย์
ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับ พรรคประชาธิปัตย์ ท่าทีต่อการแก้ไข เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแตกต่างกัน
พรรคประชาธิปัตย์จริงจังมากกว่า
เพราะหากไม่จริงจังก็คงไม่เสนอเป็น”เงื่อนไข”สำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาล เพราะหากไม่จริงจังก็คงไม่ผลักดันกระทั่งกลายเป็น 1 ใน 12 ของนโยบาย”เร่งด่วน”
ทั้งๆที่พรรคพลังประชารัฐกีดกันอย่างเต็มที่และต้องการตำแหน่ง ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังยืนหยัด
นี่คือสถานการณ์ # อยู่เป็น และ # อยู่ไม่เป็นอันแหลมคม