FootNote:เสร็จงาน‘มีตติ้ง’ประชาธิปัตย์ มีตติ้งภูมิใจไทยก็‘คัมมิ่ง ซูน’
“มีตติ้ง” ในวันที่ 3 ธันวาคม เสมอเป็นเพียงมีตติ้ง”นำร่อง” เมื่อเปิดซิงได้ ผลสะเทือนที่จะสะท้อนตามมาเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 อย่างแน่นอน
กรณี 3 ธันวาคมเน้นไปยัง”องค์ประชุม”
เมื่อประธานวิปรัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติได้ตามมติ ตามธงที่วางเอาไว้ก็จำเป็นต้องดึงเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงมาโดยพลังและการประสานจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เป้าหมายในวันที่ 3 ธันวาคม อาจเน้นอย่างจำหลักหนักแน่นไปยังพรรคประชาธิปัตย์
คำถามก็คือ มีเพียงพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นหรือที่”หงุดหงิด”
ในความเป็นจริง นายอนุทิน ชาญวีรกูล แห่งพรรคภูมิใจไทย รู้ดีว่ายังมีสภาพ”ประสานงา”ที่มากยิ่งกว่านั้น
ฟันธงได้เลยว่า “มีตติ้งครั้งที่ 2″ต้องตามมาในอีกไม่นานเกินรอ
ถามว่าปัญหาความขัดแย้งอันปะทะผ่านปฏิกิริยาของพรรคประชาธิปัตย์มีมูลเชื้อมาจากไหน
คิดว่าเป็นญัตติด่วนในเรื่องเนื่องแต่”มาตรา 44″
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงสัมพันธ์กับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องศึกษาการแก้ไข”รัฐธรรมนูญ”มากกว่า
แล้วกรณีของพรรคภูมิใจไทยเล่ามาจากไหน
ใครที่ติดตามกรณี 3 สารพิษที่อึกทึกครึกโครมในเบื้องต้นย่อมประจักษ์ได้ว่า บทบาทของกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นอย่างไร บทบาทของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นอย่างไร
และบทบาทของกระทรวงสาธารณสุขมีความแข็งขันเพียงใด
อุตสาหกรรมเป็นพรรคพลังประชารัฐ เกษตรและสหกรณ์เป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย สาธารณสุขเป็นพรรคภูมิใจไทย
กรณีของ 3 สารพิษต่างหากที่จะร้อนแรง แหลมคมต่อไป
มั่นใจได้เลยว่าปัญหาอันเนื่องแต่ 3 สารพิษพรรคภูมิใจไทยเล่นบทนำหน้าทุกพรรคการเมืองไปแล้วอย่างบริบูรณ์
เห็นจากบทบาท นายอนุทิน ชาญวีรกูล
ขณะเดียวกัน บทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงและบทบาทของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็เบียดๆกัน
เมื่อ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เล่นบท”หลวงมุ่งกระแทกกลาง”
ภาวะปั่นป่วนวุ่นวายผ่าน”บอร์ด”ที่กระทรวงอุตสาหกรรมเล่นบทเป็น”พระเอก”จึงก่อสภาพรวนเรขึ้นโดยอัตโนมัติ
ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะ”บูรณาการ”อย่างไร