เอาแน่เอานอนไม่ได้ – บทบรรณาธิการ
คอลัมน์ – บทบรรณาธิการ
บทบรรณาธิการ – ควันหลงที่ยังคละคลุ้งอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติขณะนี้ยังคงเป็นเรื่องการตรวจสอบสมาชิกสภาผู้แทนฯ ของแต่ละพรรค เริ่มจากกรณีสภาล่มติดกัน 2 ครั้ง และองค์ประชุมรอดพ้นการล่มในครั้งที่ 3
ผลจากการรอดล่มทำให้เห็นถึงการจัดกระบวนใหม่ของส.ส. ที่ขั้วพรรคฝ่ายค้านยกมือร่วมกับฝ่ายรัฐบาล จนถูกเรียกว่า งูเห่า
ขณะเดียวกันส.ส.ฝั่งรัฐบาลจำนวนหนึ่งยืนยันสนับสนุนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากคำสั่งคสช. และมาตรา 44 แม้ต้องอยู่ในฝั่งเดียวกับฝ่ายค้าน
นอกจากนี้ยังมีกรณีสมาชิกพรรคการเมืองพรรคเล็กของฝ่ายค้านส่งสัญญาณเปลี่ยนฝั่งไปอยู่ฝ่ายเดียวกับรัฐบาล
การกลับขั้วสลับข้างระหว่างสมาชิกฝ่ายค้านกับสมาชิกฝ่ายรัฐบาลจึงไม่ได้แสดงถึงจุดยืนและการตัดสินใจทางการเมืองของตัวบุคคล แต่ยังสะท้อนถึงความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของฝ่ายนิติบัญญัติ
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ เกิดคดีความที่ส.ส.พรรครัฐบาล ถูกสอบสวนดำเนินคดีรุกที่ดิน ทั้งของป่าไม้และส.ป.ก. เปรียบเทียบกับคดีที่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปถูกดำเนินคดีจากนโยบายทวงคืนผืนป่าตาม คำสั่ง คสช.เมื่อปี 2557
ตามด้วยคดีส.ส.ถูกออกหมายจับ แต่เดินทางเข้าสภาและร่วมการประชุมได้ตามปกติ ขณะที่นักการเมืองฝ่ายค้านในคดีเดียวกันเข้าไปรับโทษอยู่ในเรือนจำแล้ว
รวมไปถึงกรณีรัฐมนตรีที่ถูกครหาคดีในอดีตที่ต่างแดน แต่ชี้แจงไม่กระจ่าง จนเป็นที่กังขาอย่างกว้างขวาง
ข้อวิจารณ์เรื่องสองมาตรฐาน เลือกปฏิบัติ และความไม่เท่าเทียม จึงส่งผลต่อบรรยากาศทางการเมืองที่กำลังตอกย้ำปมแห่งความขัดแย้งเดิมทางสังคม
แม้การเป็นส.ส.หมายถึงบุคคลที่ได้รับความยอมรับนับถือ และได้รับความเชื่อใจจากประชาชนจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
แต่ด้วยเนื้อหาและการออกแบบของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ทำให้มีส.ส.ส่วนหนึ่งไม่ได้มาจากปัจจัยเหล่านี้อย่างชัดเจน
อีกทั้งยังมีประเด็นครหา มันนี่ โพลิติก หรือการใช้เงินเป็นเครื่องมือในการควบคุมเสียงในสภา เป็นอีกเรื่องที่น่าวิตก
สภาพการณ์ที่ส.ส.ถูกมองว่าขาดคุณภาพ ขาดอุดมการณ์ หรือไม่มีจุดยืนที่เข้มแข็งพอจะทำหน้าที่ ส่งผลกระทบด้านลบโดยตรงต่อฝ่ายนิติบัญญัติที่มักถูกกล่าวหาว่า ไม่อาจแก้ไขวิกฤตของบ้านเมืองได้ และหลายครั้งเป็นปัญหาเสียเอง
ยิ่งเมื่อสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้มาจากการเลือกของประชาชน ก็ยิ่งสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน