เศรษฐกิจไม่ใกล้เมรุ
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจะเป็นข่าวดีจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง คือการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/2562 สูงที่ร้อยละ 3.2
ผู้อำนวยการสศค.ระบุว่า เป็นการเติบโตสูงสุด ของปี 2562 จะทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ขยายตัวได้ที่ระดับร้อยละ 2.6 และจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปี 2563 ยังเติบโตต่อได้
สิ่งที่ผู้อำนวยการ สศค.กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ย่ำแย่ ไม่ได้เกิดวิกฤต เป็นไปในทางเดียวกับรัฐมนตรีคลัง ที่ว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ใกล้เมรุ
ตอบโต้การตั้งข้อสังเกตว่าเศรษฐกิจปี 2562 เป็นแค่เผาหลอก ส่วนปี 2563 จะเป็นเผาจริง
อีกทั้งยังประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ทั้งปีว่าน่าจะเติบโตได้ถึงร้อยละ 3.2
ความมั่นใจของผู้บริหารฝ่ายเศรษฐกิจดังกล่าว น่าจะเป็นผลดีต่อการสร้างความเชื่อมั่น
ตามที่รัฐมนตรีคลังระบุว่าถ้าใจหดหู่ ทุกอย่างก็จะหดตัวตามไปด้วย
ปัญหาในสถานการณ์นี้คือรัฐบาลจะทำอย่างไร ให้ประชาชนคนทั่วไปรู้สึกฮึกเหิมและมีกำลังใจเหมือนกับรัฐบาล
ทำอย่างไรประชาชนจะรู้สึกได้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการสนับสนุนด้านการใช้จ่าย เช่น มาตรการชิมช้อปใช้ ส่งผลกระเตื้องได้จริง
หากสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นตามตัวเลขที่น่าชื่นใจของรัฐ รัฐบาลอาจไม่ต้องพึ่งพาการประชาสัมพันธ์ผลงานด้วยซ้ำ
เพราะเรื่องปากท้องเป็นเรื่องใกล้ตัวประชาชนมากที่สุด และส่งผลต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลมากที่สุด
รัฐบาลใช้ตัวเลขการบริโภคภายในประเทศ ที่สะท้อนจากภาพรวมการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เดือนต.ค.2562 ว่าขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 6 และมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หากตัวเลขแวตดังกล่าวสอดคล้องไปในทางเดียวกันกับเงินในกระเป๋าที่ประชาชนใช้จ่ายรายวัน เสียงสะท้อนจากประชาชนน่าจะเป็นไปในทิศทางบวก
แต่รัฐบาลได้ยินเสียงสะท้อนไปในทิศทางใดและยอมรับได้หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับการแก้โจทย์ทางเศรษฐกิจ