คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
กรณีคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการจัดซื้อ เรือดำน้ำ 3 ลำจากสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางนอกเหนือไปจากคำถามว่าการซื้อเรือดำน้ำในช่วงเวลานี้เหมาะสมหรือไม่
โดยเฉพาะในเรื่องคำยืนยันว่าทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน ไม่น่ามีอะไรที่น่าสงสัย การจัดซื้อจัดหาต้องทำให้โปร่งใสเป็นลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) โดยตรง
ที่ผ่านมามีกองทัพเรือเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด มีคณะกรรมการ 20-30 คนพิจารณาอย่างรอบคอบ เพียงแต่เมื่อโครงการนี้ผ่านการเห็นชอบจากครม.แล้ว กลับไม่แถลงอย่างเป็นทางการ เพราะถือเป็นเอกสารลับ ไม่เปิดเผยกัน
คำว่าโปร่งใสกับไม่เปิดเผยกันนั้น จึงเป็นถ้อยคำที่ขัดแย้งกันเอง
การพิจารณาจัดซื้อครั้งนี้ รัฐบาลระบุว่าพิจารณาจากศักยภาพของเรือดำน้ำที่ดำได้นานสูงสุด 21 วัน ราคาที่สมเหตุสมผล อีกทั้งยังมีอาวุธยุทโธปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เสริมเข้ามา จึงคุ้มค่าที่สุด
รายละเอียดว่าโครงการนี้จะใช้เวลาทั้งหมด 11 ปีเพื่อให้ได้เรือทั้งหมด 3 ลำ
งบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ มีมูลค่าทั้งหมด 36,000 ล้านบาท ใช้เวลาทั้งหมด 11 ปี เป็นการทยอยจ่าย
แม้ระบุว่าเป็นงบประมาณของกองทัพเรือโดยเฉพาะไม่ใช่งบกลาง โดยเป็นงบต่อเนื่องในแผนพัฒนากองทัพเรือ ซึ่งแต่ละกองทัพมีแผนพัฒนาของตัวเอง
แต่โดยรวมแล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินของประเทศ และมาจากภาษีของประชาชน
สําหรับเหตุผลที่ตัดสินใจซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้ ด้วยเหตุผลว่ามีประโยชน์มากในฝั่งทะเลอันดามันในระยะ 200 ไมล์ทะเล เพราะการสำรวจทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่ผ่านมายังเข้าไปไม่ถึง
อีกทั้งประเทศอาเซียนหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ทุกประเทศมีทั้งหมดแล้ว
ความสำคัญด้านความมั่นคงตรงนี้ควรต้องมีคำอธิบายประกอบด้วย เนื่องจากสภาพภูมิประเทศและสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศของชาติสมาชิกที่เผชิญอยู่นั้นไม่เหมือนกัน
คำอธิบายต่างๆ เหล่านี้จึงย้อนกลับไปที่จุดเดียวกันว่า ประชาชนต้องรับรู้และมีสิทธิตรวจสอบแผนพัฒนากองทัพด้วยหรือไม่