FootNote:พลันที่‘3 ป.’ ทุบโต๊ะเปรี้ยง เลขาธิการพรรค ก็ไม่เปลี่ยน
เป็นอันว่า ความพยายามในการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐจาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ไปเป็นคนอื่นโดยมีชื่อของ นายอนุชา นาคาศัย ปรากฏขึ้น
ต้องกลายเป็นความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามยังดำรงคงอยู่ที่เดิม
นั่นก็คือล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จ
เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ออกมายืนยันก่อนการประชุมสามัญประจำปีในวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม ว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จะยังคงเป็นเลขาธิการพรรคต่อไป
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเลขาธิการพรรคขณะที่ นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ความล้มเหลวนี้ในที่สุดก็เป็นความล้มเหลวของ”สามมิตร”
บทเรียนจากกรณีเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคครั้งนี้เป็น บทเรียนสำคัญ
สะท้อนให้เห็นว่าองค์ประกอบภายในพรรคพลังประชารัฐ
1 เป็นกลุ่มของอดีตรัฐมนตรีที่เรียกว่า”สี่ยอดกุมาร” 1 เป็นกลุ่มของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่เรียกตนเองว่า “สามมิตร”
และ 1 เป็นกลุ่มอดีตกปปส.ซึ่งผันตัวเองมาจากพรรคประชาธิปัตย์
ทั้ง 3 กลุ่มนี้กระทำทุกอย่างเพื่อสนองและรับใช้แผนการสืบทอดอำนาจของคสช.
คสช.อันประกอบส่วนในฉายาว่า “3 ป.”
1 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 1 คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ 1 คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
นี่คือโครงสร้างความเป็นจริงของพรรคพลังประชารัฐ
แม้ว่ากลุ่มสามมิตรต้องการรุกคืบเข้าไปยังตำแหน่งเลขาธิการพรรค แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
หาก”กลุ่มสี่ยอดกุมาร”ไม่ยินยอม
หาก”กลุ่มสี่ยอดกุมาร”สามารถผนึกกำลังร่วมกับ”กลุ่มกปปส.”จากพรรคประชาธิปัตย์
ยอดบนสุดคือ”3 ป.”ย่อมต้องฟังเสียง
การดำรงคงอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคของ นายอุตตม สาวนายน การดำรงอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรคของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
จึงดำเนินมาบนพื้นฐานแห่ง”อำนาจ”เช่นนี้