ของขวัญปีใหม่

คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

โครงการของขวัญปีใหม่ 2563 ของรัฐบาล จากกระทรวงต่างๆ ที่มอบให้ประชาชน ทยอยมีผลในสัปดาห์นี้ แต่บรรยากาศกลับไม่ชื่นมื่นนัก

แม้มาตรการที่ออกมาช่วงข้ามปีจะมีทั้งการตรึงราคาน้ำมัน ลดค่าใช้จ่ายด้านคมนาคม ลดดอกเบี้ยที่โรงรับจำนำ ฯลฯ เพื่อให้คนออกไปท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอย

แต่บรรยากาศช่วงเทศกาลความสุขเป็นเรื่องที่ต้องขึ้นกับปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ

ผลสำรวจส่งท้ายปี ถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คำนวณออกมาว่า เงินสะพัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้ ขยายตัวได้ร้อยละ 1.9 คิดเป็นมูลค่า 1.37 ล้านบาท

เป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 12 ปี

แม้ภาคเอกชนอย่างหอการค้าไทย มองในมุมบวกว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะขยายตัวดีขึ้น วัดจากภาคการท่องเที่ยวมีจำนวนเที่ยวบินในสนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นจากปีก่อน รวมทั้งมีการย้ายฐานการผลิตจากจีนและไต้หวันหลายอุตสาหกรรม

แต่สมาคมผู้ค้าปลีกไทย มองในอีกมุมที่ใกล้ตัวชาวบ้านมากขึ้น ว่าการขยายตัวทุกหมวดสินค้าในปี 2563 จะเติบโตเพียงร้อยละ 2.8 ลดลง จากปี 2562 ที่เติบโตร้อยละ 3.2

สาเหตุหลักที่ยังไม่นับปัจจัยภายนอกอย่างสงครามการค้า และถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษี มาจากกำลังซื้อกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับกลาง-ระดับล่าง อ่อนกำลังลง

ขณะที่หนี้ครัวเรือนยังไม่มีแนวโน้มลดลง หมายถึงคนเป็นหนี้ปีนี้ ยังหาทางออกไม่ได้ว่าจะปลดหนี้ปีหน้าได้อย่างไร

เมื่อเปรียบเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่เมื่อปี 2540 สมาคมผู้ค้าปลีกไทยวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ช่วงเวลานี้อาจฟื้นตัวช้ากว่า

เพราะวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 มีผลกระทบหลักต่อผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ชนชั้นบน การฟื้นฟูจึงจำกัดวงและใช้เวลาไม่นาน

แต่ผลกระทบจากเศรษฐกิจล่าสุดนี้มีผลต่อชนชั้นกลางและชนชั้นล่างเป็นหลัก หรือร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด

ดังนั้นการชะลอตัวของเศรษฐกิจในรอบ 10 ปี (2556-2565) มีผลกระทบเป็นวงกว้างและต้องใช้เวลานานกว่าในการฟื้นฟูกลับมา

ของขวัญที่ได้จึงเป็นเรื่องเล็กน้อยและดีใจในระยะสั้นๆ เท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน