สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เกมรุกฝ่ายค้าน-เขย่ารัฐบาล

สัมภาษณ์พิเศษ

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เกมรุกฝ่ายค้าน-เขย่ารัฐบาล

“ไม่เชื่อว่าการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่…นอกจากว่าเขาทนไม่ไหวจริงๆ เพราะจากสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ …ถึงเวลาจะเกิดอะไรขึ้นก็สุดแล้วแต่ แต่ไม่ใช่เป็นเพราะเราไปยุแหย่”

การเมืองคุกรุ่นข้ามปี เพิ่มดีกรีร้อนระอุขึ้นอีกในปี 2563 ด้วยปัจจัยทั้งด้านการเมืองและสถานการณ์เศรษฐกิจเป็นตัวเร่ง ขณะที่การเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลโดยฝ่ายค้านก็เข้มข้นขึ้นตามลำดับ

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แย้มถึงการเดินหน้ารุกไล่รัฐบาลในปี 2563

● เป้าหมายการปรับโครงสร้างใหม่ของพรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยเริ่มปรับโครงสร้างพรรคตั้งแต่หลังเลือกตั้ง โดยตั้งประธานยุทธศาสตร์พรรคขึ้นมา และทำงานร่วมกับกรรมการบริหารพรรคด้วยดีมาตลอด ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น

คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคจะทำหน้าที่พบปะประชาชน รณรงค์และทำความเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยยังเป็นพรรคของพี่น้องประชาชน หัวใจอยู่กับประชาชน

ล่าสุด ตั้งคณะกรรมการกิจการพิเศษขึ้นมา เพื่อเข้ามาดูเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมทั้งเสริมกำลังให้กับพรรค เชื่อว่าจะเป็นบรรยากาศที่น่าสนใจ

ยืนยันว่าทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์และคณะกรรมการกิจการพิเศษ ไม่ได้ตั้งขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อนกัน คณะกรรมการกิจการพิเศษจะดูเรื่องงานในสภา หาข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์จะเน้นการพบปะและทำความเข้าใจ เข้าถึงกับประชาชนในเรื่องต่างๆ

ดังนั้น ไม่มีอะไรขัดกัน ทุกอย่างเสริมกัน ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น และในอนาคตจะเพิ่มคณะกรรมการชุดต่างๆ ขึ้นมาอีก เพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับแนวปฏิบัติของพรรค

● การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เตรียมพร้อมอย่างไร

ขณะนี้เรามีข้อมูลเพียบ คงจะไม่สาธยายว่ามีอะไรบ้าง แต่ในส่วนของตัวบุคคลที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นแน่นอนว่าต้องมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม นอกจากนี้ยังมีกลุ่มรัฐมนตรีอีกหลายคนที่จะถูกอภิปราย เพราะเรามีข้อมูลพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจะต้องหารือร่วมกัน เพื่อให้เห็นพ้องต้องกันอีกครั้งถึงช่วงเวลาที่จะอภิปราย รวมทั้งการกำหนดตัวบุคคลที่จะถูกอภิปราย

ประเด็นการอภิปราย จะเน้นปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลัก ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องชี้แนะ ชี้แจงให้ประชาชนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อน

จริงๆ ไม่อยากใช้คำว่า ‘ข้าวยากหมากแพง’ หรือ ‘อดอยาก’ แล้ว เพราะมันเป็นอย่างนี้ทั่วทุกหย่อมหญ้า เดินทางไปตามร้านตลาด มีแต่คนขายนั่งปัดแมลงวัน คนซื้อไม่ค่อยมี บรรยากาศไม่เหมือนในช่วง 10 ปีก่อนหน้านี้ที่ทุกสิ่งทุกอย่างเดินไปได้ด้วยดีจริงๆ

นอกจากนี้คือ ปัญหาการปราบปรามยาเสพติด รัฐบาลไม่ได้ดูแลปัญหานี้เท่าที่ควร ขณะนี้ยาเสพติดระบาดทั่วทุกหัวระแหง น่าเสียดายหลายครั้งที่ยาเสพติดถูกจับในต่างประเทศ มีที่มาจากประเทศไทย ถือเป็นผลเสีย เพราะเหมือนประเทศไทยเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหายาเสพติดส่งไปให้ทั่วโลก ต้องหาทางแก้ไข

เวลา 5 ปีที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาอีก 6 เดือนกว่าของรัฐบาลใหม่ ไม่ได้ทำอะไรให้ปัญหายาเสพติดลดลงเลย จึงอยากอภิปรายให้รัฐบาลได้เห็น

อีกเรื่องคือ ปัญหาการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น มีสัดส่วนที่รัฐบาลเกี่ยวข้องด้วยเยอะมาก รวมทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม

จะเห็นว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายแต่การจ่ายเงินไปซื้อของ แล้วเงินที่ซื้อของก็ตกกับ 10 ตระกูลที่เป็นเจ้าของบริษัทค้าขาย ถึงเกิดปัญหารวยกระจุก จนกระจาย รวยกระจุกจริงๆ รวยเป็นสิบเป็นร้อยเท่า ซึ่งมีอยู่เพียง 1 เปอร์เซ็นต์ที่รวย มีเงินทองมากมายก่ายกอง

ส่วนคนจนมีมากขึ้นๆ เพราะรัฐบาลเอื้ออาทรให้กับเจ้าสัวรวยๆ มากเกินไป สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคมระหว่างคนกับคนรวยมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์

ที่มีคนกล่าวกันว่าปีนี้จะเป็นปีเผาจริงนั้น ก็คงเป็นตามนั้น ซึ่งเราจะเน้นหนักการอภิปรายในประเด็นเหล่านี้

● หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะสร้างผลสะเทือนให้กับรัฐบาลได้มากน้อยแค่ไหน

ขึ้นอยู่กับมุมมอง แต่ในฐานะฝ่ายค้านจะอภิปรายชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนรับฟังได้เข้าใจว่า มันเกิดขึ้นแบบนี้จริงๆ สิ่งที่จะอภิปรายถือเป็นเรื่องจริง เป็นสิ่งที่เราได้ไปพบเห็นว่าประชาชนเดือดร้อนอย่างไร

ขณะนี้เรามีความพร้อมมาก พร้อมจริงๆ ซึ่งตั้งใจจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตั้งแต่พ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว เราตั้งใจจะอภิปรายให้เสร็จก่อนสิ้นปี แต่พอเรามาเจอปัญหาเรื่องของการนับเวลาก่อนหน้านี้ ซึ่งสุดท้ายก็นับเป็นปีสมัยประชุม ไม่ใช่ตามกรอบปีปฏิทิน

ดังนั้น เรามีสิทธิจะอภิปรายก่อนวันที่ 28 ก.พ. ช่วงต้นม.ค. พรรคจะปรึกษาหารือกันว่าจะอภิปรายช่วงปลายม.ค.หรือต้นก.พ.

ช่วงที่ผ่านมาพรรคได้ตั้งคณะกรรมการกิจการพิเศษขึ้นมา โดยมีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรค เป็นประธาน ซึ่งจะเข้ามาช่วยดูแลเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย จากนั้นจะหารือกับทางพรรคร่วมฝ่ายค้านถึงแนวทางการอภิปรายอีกครั้ง รวมถึงเรื่องของวัน เวลา ตัวบุคคลที่จะถูกอภิปรายด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากอะไร

สำหรับการเมืองปีนี้ ก่อนจะถึงเรื่อง การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีเรื่องของ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ 2563 เข้าสู่การพิจารณาของสภาก่อนในวาระที่ 2 และ 3 ซึ่งการจัดทำงบประมาณของรัฐบาล ทางกรรมาธิการงบประมาณในส่วนของพรรครายงานเข้ามาว่ามีส่วนที่ผิดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราจะนำเรื่องนี้มาหารือเพื่อนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย

● มีโหรจากสำนักต่างๆ ทำนายว่าการเมืองปีนี้จะรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา อาจถึงขั้นปฏิวัติ

คิดว่าถ้ารัฐบาลเข้าใจ เราจะอภิปรายมุ่งเน้นข้อบกพร่องเพื่อให้รัฐบาลได้ทราบ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหา และหากรัฐบาลเห็นว่ารัฐมนตรีคนใดบริหารงานผิดพลาด ไม่ถูกไม่ควร การปรับออกก็เป็นส่วนหนึ่งเพื่อให้เกิดผลพวงของความเจริญก้าวหน้าของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก

เราอภิปรายไม่ได้หวังจะล้มล้างฆ่าแกง แต่เชื่อว่าจะทำให้เกิดการปรับครม.ด้วย เพราะการอภิปรายจะเป็นตัวชี้แนะสิ่งที่เกิดขึ้นในส่วนที่หัวหน้ารัฐบาลมองไม่เห็น จะได้นำไปพิจารณา เพราะการปรับการเปลี่ยนขึ้นกับหัวหน้ารัฐบาล หวังว่าเขาจะรับฟังสิ่งที่เรานำเสนอและมีการแก้ไข

แต่หากรัฐบาลเห็นเองว่าไม่สามารถบริหารได้ต่อ นายกฯจะยุบสภา หรือลาออกก็สุดแล้วแต่ท่านจะคิด

● พรรคร่วมฝ่ายค้านประสบปัญหาเรื่องงูเห่า หรือการโหวตที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จะแก้ปัญหาอย่างไร

ส่วนตัวยังมั่นใจว่าเรายังมัดกันแน่น 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังคงมีเสถียรภาพในการทำงานร่วมกันอยู่ ซึ่งวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา เราได้ลงนามในสัตยาบันร่วมกันในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกคนทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันหมดและไปในแนวทางเดียวกัน

เราพูดกันว่าในปีนี้ จะเดินหน้ารณรงค์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญกันอย่างเข้มข้นตลอดทั้งปี ปีที่ผ่านมาได้รณรงค์เรื่องดังกล่าวนอกสภา ทั่วทุกภาคจนครบแล้ว

ปีนี้เราจะรณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เน้นหนักที่องค์กร มหาวิทยาลัย ซึ่งเรา จะใช้ชื่อแคมเปญว่า “ฝ่ายค้านสัญจร พบนักศึกษา” จะรณรงค์ไปตามมหา วิทยาลัยต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับนิสิตนักศึกษา

โดยกิจกรรมแรกในช่วงเดือนม.ค.นี้ จะจัดกิจกรรมฝ่ายค้านเล่นกีฬาร่วมกับพี่น้องประชาชน โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเตะฟุตบอลร่วมกับประชาชนที่ จ.เชียงราย และจะถือโอกาสนี้เปิดเวทีปราศรัยนอกสภาไปด้วย เราจะรุกหนักเข้าถึงองค์กรนักศึกษา พี่น้องประชาชน

การแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นเงื่อนไขขัดแย้งหรือไม่

ไม่เชื่อว่าการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ เพราะสิ่งที่ฝ่ายค้านทำ คือการให้ความคิดความอ่านกับประชาชน ส่วนการตัดสินใจเป็นเรื่องของประชาชน ซึ่ง 5-6 ปีที่ผ่านมาประชาชนยังทนกันมาได้ อดทนไปอีกสักครึ่งปีหรือหนึ่งปีคงไม่มีปัญหา

นอกจากว่าเขาทนไม่ไหวจริงๆ เพราะจากสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ เงินในกระเป๋าที่หายไป ทำมาหากินไม่ได้ ถึงเวลาจะเกิดอะไรขึ้นก็สุดแล้วแต่ แต่ไม่ใช่เป็นเพราะเราไปยุแหย่ เราเพียงแค่ชี้แจง

จากการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกัน ทั้งองค์กรนักศึกษา พี่น้องประชาชนต่างเห็นด้วย เข้าอกเข้าใจ เพียงแต่ขอใช้คำว่า หากรัฐบาลใจกว้างก็ทำประชามติ จะได้รู้ว่าประชาชนคิดอย่างไร ห่วงแต่เพียงว่ารัฐบาลจะไม่ใจกว้างพอให้ทำประชามติ

การเกิดแฟลชม็อบที่สกายวอล์ก ปทุมวัน เราได้เห็นภาพของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงสมาชิกพรรคไปร่วมกิจกรรม ก็ไม่เห็นว่าพรรคอนาคตใหม่ปลุกระดม แต่เป็นจังหวะที่ประชาชนอยากแสดงออกมากกว่า

และการแสดงออกก็ไม่ได้ผิดกฎหมายใดๆ ไม่มีอาวุธ ไปด้วยความสงบ มีกำหนดเวลา เจอกันแล้วก็จากกัน แล้วมาเจอกันได้อีก อย่างที่มีการนัดเจออีกครั้งในเดือน ม.ค.นี้ มองว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะเป็นการพบปะกันด้วยความสงบ ไม่ได้ทำลายข้าวของ

แถมยังมีความดีตรงที่หลังเลิกกิจกรรมยังช่วยกันเก็บข้าวของจนสะอาดสะอ้าน แบบนี้ไม่เรียกว่าม็อบที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย อาจมีเพียงคำพูดที่ไปถึงผู้นำที่ทำให้ไม่สบอารมณ์ก็เท่านั้น

● เรื่องมวลชน การเคลื่อนไหวนอกสภาถูกจับจ้องด้วยในปีนี้

ไม่เชื่อว่ามีการปลุกระดม เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมาย พรรคเพื่อไทยก็ไม่สนับสนุนและไม่ทำเรื่องแบบนี้ แต่พรรคเราร่วมแสดงความเห็นใจกรณีนายธนาธร รวมทั้งพรรคอนาคตใหม่เองกำลังประสบปัญหาอาจถึงขั้นยุบพรรค เราเห็นใจในเรื่องนี้ อะไรจะเกิดก็เป็นไปตามครรลองของกฎหมาย แต่หวังว่าพรรคอนาคตใหม่จะได้รับการพิจารณาที่ถูกที่ควร ไม่ใช่ มีอคติ

ผมเชื่อว่าทุกพรรคมีความตั้งใจดี ตั้งใจจะเห็นประเทศชาติดำเนินไปได้ด้วยดี ด้วยความปลอดภัย ไม่ติดขัดใดๆ เพื่อเสริมสร้างให้ชาติบ้านเมืองเจริญเติบโตอย่างที่เคยเป็น

และที่สำคัญ ถ้ารัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ม็อบก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่ที่ผ่านมาประชาชนทุกข์ยากอย่างต่อเนื่อง เลยทำให้การแสดงออกที่ไม่พอใจปะทุขึ้น

ดังนั้น ฝ่ายค้านพยายามสะท้อนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น หากรัฐบาลรับรู้ เข้าใจและแก้ปัญหาได้ ปัญหาเรื่องม็อบก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธภาพ ก็เป็นเรื่อง ของรัฐบาล เป็นโจทย์ที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาเอง

ส่วนจะเป็นเงื่อนไขถึงขั้นเกิดการปฏิวัติอีกหรือไม่นั้น คิดว่าไม่มี แต่ถ้ามีก็ไม่กลัว

การทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคเพื่อไทยนั้น จริงๆ แล้วประชาชนคาดหวังให้เราเป็นรัฐบาล แต่เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้เราเป็นรัฐบาลไม่ได้ก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเราต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ดีที่สุด แม้ว่าเราจะไม่เคยเป็น ก็ต้องเรียนรู้

และการเป็นฝ่ายค้านในยุคที่มีรัฐบาลแย่ๆ อย่างนี้ คงไม่ใช่เรื่องยาก ขอเพียงให้เราพูดบนข้อเท็จจริง แล้วเขารับฟัง ชาติบ้านเมืองก็จะไปได้ด้วยดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน