ความสัมพันธ์ระหว่าง “พรรคบรรหาร” กับ “พรรคทักษิณ” ดำเนินไปภายใต้ลักษณะพิเศษของการเมืองไทย

เริ่มจากตอนที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี

คงจำกันได้ว่า รองนายกรัฐมนตรี คือ นายทักษิณ ชินวัตร

แม้จะหมางเมินกันไปบ้างจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ที่พรรคไทยรักไทยชนะถล่มทลาย 248 เสียง กระทั่งพรรคชาติไทยต้องถูกกันออก

ไปรวมอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคมหาชน

ส่งผลให้พรรคชาติไทยจำเป็นต้อง”บอยคอต”การเลือกตั้งเดือนเมษายน 2549 ร่วมพับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคมหาชน แล้วเข้าไปอยู่ใน “แผนบันได 4 ขั้น”ของคมช.หลังรัฐประหาร

แต่เมื่อผลการเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550 ปรากฏออกมา สายสัมพันธ์”พรรคบรรหาร”กับ”พรรคทักษิณ”ก็กระชับเหมือนเดิม

ขอให้ดู”น้ำใจไมตรี”จาก”พรรคทักษิณ”

ไม่ว่าจะจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2550 ไม่ว่าจะจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554

ไม่ว่าจะชื่อ”ชาติไทย” ไม่ว่าจะชื่อ”ชาติไทยพัฒนา”

แต่มือแห่งไมตรีที่มาจากพรรคพลังประชาชนต่อเนื่องมายังพรรคเพื่อไทยไม่เคยแปรเปลี่ยน

“เกษตร” เป็นของ”พรรคบรรหาร”

เพราะอย่างนี้แหละพรรคชาติไทยจึงถูก “ยุบ”และกลายมาเป็น “พรรคชาติไทยพัฒนา”

ร่วมชะตากรรมเดียวกันกับ”พรรคทักษิณ”

เหมือน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ร่วมชะตากรรมเดียวกัน กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

กินน้ำร่วมท่า กินปลาร่วมหนอง

หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2550 เป็นต้นมา “พรรคบรรหาร”จึงถูกมองอย่างหวาดระแวง

เพราะยังเกาะเกี่ยวอยู่กับ “พรรคทักษิณ”

ในความเป็นจริง เป็นการเกาะเกี่ยวในลักษณะของ”พันธมิตร” ภายใน “แนวร่วม” เดียวกัน

ตรงนี้แหละที่เป็น”อุปสรรค” จึงต้อง”ทำลาย”

คราวนี้มิได้เป็นการเข้าสู่กระบวนการของ “องค์กรอิสระ”หากแต่ผ่านกระบวนการ”ข่าวลือ”

เล่นหนักว่า “ทักษิณ”ตั้งเป้า”เทกโอเวอร์”ซะเลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน