คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

ย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีบทบาทในทางวิชาการในนามกลุ่มนิติราษฎร์ ถูกคนร้ายจำนวน 2 คนบุกเข้าทำร้าย ชกต่อยได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

ต่อมาผู้ที่ก่อเหตุทั้งสองคนถูกกดดัน จนต้องเข้ามอบตัวและถูกดำเนินคดี และสารภาพว่าสาเหตุที่ลงมือ เนื่องจากมีแรงจูงใจทางการเมือง มีความเห็นไม่ตรงกับที่นายวรเจตน์นำเสนอ

สะท้อนถึงบางกลุ่มที่ไม่สามารถยอมรับความเห็นต่าง ไม่มีความอดทนที่จะรับฟังทัศนะอีกฝ่าย จนถึงขั้นใช้กำลังบุกทำร้ายอีกฝ่ายโดยไม่มีเหตุผล และเกรงกลัวต่อกฎหมาย

เอาแต่ใช้ความรุนแรงตัดสิน เหมือนอยู่ในกลียุค

จนกระทั่งในปีนี้ ก็เกิดเหตุการณ์ลักษณะคล้ายคลึงกันอีกครั้ง ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อมีชายหนุ่ม 2 คน ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปถามหานายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตที่เพิ่งได้รับเลือกจากสมาชิกสภานิสิต จุฬาฯ ให้เป็นประธานสภานิสิตคนใหม่

เจตนาน่าจะต้องการคุกคาม ข่มขู่ หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งกับเป้าหมาย เพราะที่ผ่านมา นายเนติวิทย์เองก็มีจุดยืนชัดเจนที่ค่อนข้างก้าวหน้า

แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่ไม่ได้พบตัว ทำให้ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ ขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็พาเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจแล้ว

ขั้นตอนต่อไปคือสืบสวนตามหาตัวมาสอบสวนสาเหตุจูงใจ

ในส่วนสภานิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แถลงการณ์ประณามการกระทำดังกล่าว และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายของพลเมืองไทยทุกค

ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าคนไทยบางกลุ่มมักจะยึดถือจารีตนิยมอย่างสุดโต่ง บางเรื่องก็ไม่ได้คิดและตรวจสอบอย่างรอบด้าน สิ่งใดหากไม่ได้ เป็นไปตามจริตและความนึกคิดแห่งตนก็จะไม่ยอมรับฟัง

การยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างอดทน เคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น นอกจากจะทำให้สังคมไทยอยู่ร่วมกันอย่างสงบและ สันติแล้ว

ยังเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน