FootNote:หลักฐาน คำสารภาพ เสียบบัตร จากพลังประชารัฐ กับภูมิใจไทย
การออกมายอมรับในเรื่อง “เสียบบัตรแทนกัน “ของพรรคพลังประชารัฐว่าเป็นความผิด พร้อมกับกำชับว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐจะต้องไม่ทำเช่นนั้นเองโดย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
เท่ากับเป็น “ใบเสร็จ” เท่ากับเป็น “คำสารภาพ”อย่างเป็นทางการ โดยพรรคพลังประชารัฐ
นอกเหนือจาก “ใบเสร็จ” อันแน่ชัดของ 2 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
นั่นก็คือ นายฉลอง เทอดวีระพงษ์ นั่นก็คือ นางนาที รัชกิจประการ ที่มีการเสียบบัตรลงมติรับร่างพรบ.งบประมาณโดยที่เจ้าตัวไม่ได้อยู่ในห้องประชุม
คำสารภาพไม่ว่าจะมาจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมาจาก สภาพความเป็นจริงของ 2 ส.ส.แห่งพรรคภูมิใจไทย
ทำให้การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญง่ายมากยิ่งขึ้น
ต้องยอมรับว่ากระบวนการพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 มีปัญหาสะท้อนความไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญอย่างเด่นชัด
เพราะว่ามีการเสียบบัตรลงมติแทนกันไม่ว่าจะเป็นของพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นของพรรคพลังประชารัฐ
มีความพยายามจากรัฐบาล มีความพยายามจากพรรคพลังประชารัฐ มีความพยายามจากพรรคภูมิใจไทย แสดงให้เห็นว่าอาจเป็นกรณีเล็กๆเฉพาะส่วนไม่น่าจะกระทบต่อร่างพรบ.งบประมาณ
แต่เนื่องจากมีคำวินิจฉัยที่ 3-4/2557 ของศาลรัฐธรรมนูญเป็นบรรทัดฐานอยู่แล้วความพยายามข้างต้นนี้ของรัฐบาล ของพรรคพลังประชารัฐ ของพรรคภูมิใจไทย จึงสร้างความหนักใจให้กับศาล
ดังนั้น เมื่อมีคำสารภาพ เมื่อมีหลักฐานอย่างแน่ชัดจึงเท่ากับเป็นการช่วยให้ศาลรัฐธรรมนูญสามารถดำรงบรรทัดฐานของตนเอาไว้ได้
ความกังวลในทางสังคม ความกังวลในทางการเมืองที่เกิดขึ้นและดำรง อยู่ในขณะนี้ก็คือ เกรงว่ารัฐบาลจะอาศัยท่วงทำนองของ”ศรีธนญชัยรอดช่อง”ด้วยอภินิหารในทางกฎหมาย
เหมือนที่ทำมาแล้วในกรณีอุทยานราชภักดิ์ เหมือนที่ทำมาแล้วในกรณีของนาฬิกาหรู
เหมือนที่ทำมาแล้วในกรณีของที่ดิน 1,700 ไร่
หากว่ารัฐบาล หากว่าพรรคร่วมรัฐบาลอาศัยช่องทางอย่างที่ทำมาในกาลอดีตสร้างอภินิหารให้กับร่างพรบ.งบประมาณ
ความน่าเชื่อถือต่อรัฐบาลก็จะยิ่งเสื่อมทรุดและตกต่ำเป็นทวีคูณ
หากรัฐบาลใดความเชื่อถือเสื่อมทรุดและตกต่ำ รัฐบาลนั้นก็ยากที่จะดำรงคงอยู่อย่างมีเสถียรภาพและความมั่นคง