แก้เกม
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในจีนและพบผู้ติดเชื้ออีกหลายประเทศ เป็นปัจจัยกระทบมาถึงการท่องเที่ยว เส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจไทยเข้าอย่างจัง
กระทรวงการคลังได้การบ้านมาคิดหามาตรการ แก้เกม โดยเฉพาะส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวกันเองในประเทศ
รัฐบาลระบุว่า คนไทยควรต้องออกมาช่วยกันเที่ยวในประเทศ เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวผ่อนคลายและผ่านภาวะมรสุมนี้ไปให้ได้ และความเชื่อมั่นก็จะกลับมา
แต่ปัญหาติดอยู่ตรงที่ว่า การท่องเที่ยวนั้นเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ คำถามคือถ้าเงินในกระเป๋าไม่มี คนจะออกมาเที่ยวได้อย่างไร
สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง เพิ่งเปิดตัวเลขการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของตัวเลข เศรษฐกิจไทย หรือ จีดีพี ปี 2562 ลงเหลือร้อยละ 2.5 ลดลงจากเดิมที่คาดไว้ร้อยละ 2.8
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญในภาคการส่งออก คือผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ตามที่ระบุบ่อยครั้ง
ภาพรวมการส่งออกของไทยปี 2562 จึงขยายตัวติดลบที่ร้อยละ -3.2% ติดลบมากกว่าที่คาดไว้เดิมร้อยละ -2.5
ส่วนทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2563 แม้คาดจะปรับตัวดีขึ้น ที่ระดับร้อยละ 2.8 แต่สถานการณ์ล่าสุด ทำให้ศูนย์วิจัยของธนาคารพาณิชย์เริ่มคำนวณปรับลดตัวเลขที่ลดลง ระดับร้อยละ 2.5 หรือน้อยกว่า
ปัจจัยเสี่ยงของปี 2563 มาจากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่าย ภายหลังจากมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีส.ส.เสียบบัตรแทนกัน
มีการประเมินว่ากว่าสถานการณ์จะเรียบร้อย อาจกินเวลาถึงเดือนมี.ค. ส่วนสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่น่าจะคลี่คลายภายใน 3 เดือน
รัฐบาลคาดว่าภาคการส่งออกอาจฟื้นตัวดีขึ้น จากการที่จีนชะลอการผลิต ทำให้ไทยส่งออกอาหารและผลไม้ได้มากขึ้น ส่วนการท่องเที่ยว แม้เป้าหมายจะหายไป 4 แสนคนจากที่ตั้งไว้ 41.1 ล้านคน แต่ยังอยู่ในระดับที่เติบโตได้
แต่ทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้คนไทยออกมาเที่ยวไทยได้หรือไม่ ต้องดูจากเงินในกระเป๋าของประชาชน