คอลัมน์ รายงานพิเศษ

สรุปเป็นอันว่า คสช.เตรียมรวบยอดผลงานรอบ 3 ปี ไปแถลงพร้อมในส่วนของรัฐบาลเดือนกันยายน

การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งยืดเวลาโชว์ผลงานออกไปอีก 4 เดือน

นอกจากทำให้คอการเมืองหลายคนผิดหวัง ยังทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา ว่าน่าจะเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน 2-3 เรื่องร้อยรัดเข้าด้วยกัน

ฉายปัญหา มากกว่าความสำเร็จ

ไม่ว่าเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ ใกล้ท้องสนามหลวง ต่อเนื่องฉากระเบิดคาร์บอมบ์ครั้งใหญ่หน้าห้างบิ๊กซี ปัตตานี

ไม่ว่าการปฏิรูปประเทศ การสร้างความปรองดองที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเป็นรูปธรรม ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนของโรดแม็ป เลือกตั้ง

โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้าน ยังเป็นโจทย์ใหญ่ แก้ไม่ตก

แถมยังถูกนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ นักการเมือง ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลคสช.พูดความจริงกับประชาชน

นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผอ.องค์การการค้าโลก และอดีตเลขาธิการอังค์ถัด ปัจจุบันเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในป.ย.ป. ซึ่งถือเป็นคนฝ่ายรัฐบาลด้วยเช่นกัน

แต่มืออาชีพ คือมืออาชีพ

นายศุภชัยกล่าวบนเวทีปาฐกถา ?บทบาทไทยในความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ

ว่ายังมีข้อถกเถียงมากในสังคมว่าเศรษฐกิจดีจริงหรือไม่ จึงอยากให้รัฐบาลให้ข้อมูลแท้จริงกับประชาชน เพราะการบริหารทางการเมืองมักจะให้ข้อมูลในภาวะด้านดี

เพราะตามข้อมูลจริงพบว่า ปัจจุบันตัวเลขการลงทุนภาคเอกชนยังต่ำกว่าเป้า อีกทั้ง ส่วนใหญ่ลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผิดปกติ ห่วงจะทำให้เกิดภาวะฟองสบู่

รวมถึงการเน้นจ่ายเงินปันผลเพื่อกระตุ้นตลาดหุ้น ถึงจะมีการร่วมลงทุนกับภาครัฐในโครงการประชารัฐ แต่ไม่ได้ผลักดันการลงทุนจริงๆ ร่วมทำเพื่อหน้าตาเท่านั้น

ขณะที่นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ กล่าวถึงปัญหาหนี้สินครัวเรือนว่าอยู่ในระดับสูงจนน่ากังวล จากข้อมูลล่าสุดสิ้นปี 2559 คนไทยมีหนี้ถึงร้อยละ 79.9 ของจีดีพี

จากข้อมูล ข้อท้วงติงเหล่านี้ สะท้อนว่ามาตรการเพิ่มรายได้และกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชน ปัจจัยการฟื้นตัวเศรษฐกิจโดยรวม

ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

ด้านผลงานความมั่นคง ที่รัฐบาลคสช.ชูเป็นผลงานเกรดเอมาตลอด

ก็ต้องมีอันสั่นคลอนจากเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ ใกล้ท้องสนามหลวง พื้นที่อ่อนไหว

ผ่านหลายวันยังจับมือใครดมไม่ได้

ถึงตรวจพบหลักฐานชิ้นส่วนไอทีไทเมอร์ ถ่านกระดุม และเศษสายไฟ ส่วนประกอบระเบิดไปป์บอมบ์ แต่สรุปได้แค่คนทำมุ่งสร้างสถานการณ์วุ่นวาย ตื่นตระหนก ไม่ได้มุ่งให้เกิดการบาดเจ็บ ล้มตาย

ส่วนเป็นฝีมือใครหรือกลุ่มไหน ข้อมูลทั้งจากฝ่ายคสช. ทหาร ตำรวจ ยังกระจัดกระจายไปคนละ ทิศละทาง

เริ่มจากหลักฐานชิ้นส่วนระเบิดที่พบบริเวณจุดเกิดเหตุ คสช.และทหารชี้ว่ามีส่วนคล้ายคลึงกับเหตุระเบิดในถังขยะหน้ากองสลากเก่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา

ขณะที่ข้อมูลจากฝ่ายตำรวจชุดคลี่คลายคดี ตอนแรกระบุชนิดระเบิดเป็นแบบเดียวกับในอดีตเคยใช้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้

แต่จากการตรวจสอบหลักฐานอย่างละเอียด ได้ปรับเปลี่ยนข้อสันนิษฐาน วางน้ำหนักว่าน่ามีส่วนคล้ายกับเหตุระเบิดป่วนกรุงเมื่อปี 2550 ในยุครัฐบาลขิงแก่ หลังการรัฐประหารคมช.ปี 2549 มากที่สุด

ส่วนแรงจูงใจของคนลงมือป่วน ยังไม่มีการฟันธงทั้งจากฝ่ายทหารและตำรวจว่ามีสาเหตุมาจากการเมือง เพื่อต้องการดิสเครดิตรัฐบาลคสช.ในช่วงเตรียมแถลงผลงานครบรอบ 3 ปี

จากกลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์จากนโยบายปราบปรามขั้นเด็ดขาดของรัฐบาลในหลายเรื่อง ทั้งกลุ่มอิทธิพลมาเฟีย บ่อนการพนัน ยาเสพติด นายทุนรุกป่า ค้าของเถื่อน ฯลฯ

หรือเป็นไปได้แม้กระทั่งเป็นฝีมือกลุ่มพวกเดียวกันเอง

เหมือนที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ระบุ ฝ่ายความมั่นคงจับตาทุกคนที่ไม่หวังดีต่อรัฐบาล ซึ่งมีทั้งฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายเดียวกับรัฐบาล

เป็นสัญญาณบ่งบอกสถานการณ์ที่เริ่มซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากขึ้น

ในช่วงคสช.ครบ 3 ปี

นอกจากนี้บรรยากาศการทำงานในห้วงครบรอบ 3 ปี กลับกลายเป็นว่ารัฐบาลคสช.ยัง ต้องใช้เวลาหมดเปลืองไปกับการปลดชนวนร้อน หลายเรื่อง

ล้วนแต่เป็นปัญหาที่เหล่าสมาชิกเครือข่ายแม่น้ำ 5 สาย ช่วยกันก่อขึ้นมาเองเกือบทั้งสิ้น

เริ่มตั้งแต่ครม.มีมติไฟเขียวกองทัพเรือ เซ็นสัญญาสายฟ้าแลบซื้อเรือดำน้ำจากจีน ราคาลำละกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท รวม 3 ลำ เป็นงบผูกพันกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท

ตามด้วยเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราว กระทรวงสาธารณสุข เคลื่อนไหวขู่ ลาออกยกกระทรวงสิ้นเดือนก.ย. เพราะไม่พอใจมติครม. ไม่อนุมัติเพิ่มอัตราบรรจุเป็นข้าราชการ 10,992 อัตรา

กดดันจนในที่สุดรัฐบาลยอมอ่อนข้อ เตรียมเสนอเรื่องกลับเข้าครม. ทยอยบรรจุพยาบาลวิชาชีพเป็นข้าราชการ ตามจำนวนอัตราที่เรียกร้องภายใน 3 ปี

สปท.เองก็ขยันก่อเรื่องไม่แพ้กัน ตั้งแต่การลงมติผ่านร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน หรือกฎหมายคุมสื่อ

จนถึงเห็นชอบรายงานร่างพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พร้อมสนับสนุนผลักดันให้นายกฯ นั่งเป็นประธานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กปช.) แทนรมว.ดิจิทัลฯ

จนถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ด้านลบ ว่าเป็นแผนเครือข่ายกลุ่มอำนาจต้องการควบคุม ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของกลุ่มคนที่มีความเห็นต่างอย่างเบ็ดเสร็จ

ทั้งสุ่มเสี่ยงกระทบความเชื่อมั่นภาคธุรกิจการลงทุน

ยังไม่นับถึงการเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจมาตรา 44 ออกกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูป รวดเดียว 36 ฉบับ

จนฝ่ายการเมืองหยิบไปเป็นประเด็นโจมตี แทนที่สปท.จะเร่งสร้างผลงานปฏิรูปด้วยตัวเอง แต่กลับไม่ทำ รอจนถึงช่วงโค้งสุดท้าย ถึงเสนอให้ใช้อำนาจพิเศษออกกฎหมาย

ยังดีที่รัฐบาลไม่รับมุข

แต่ทั้งหลายทั้งปวงเป็นเครื่องยืนยันว่าผ่านไปครบ 3 ปี การปฏิรูปประเทศมีความคืบหน้า-ไม่คืบหน้า ล้มเหลวหรือสำเร็จขนาดไหนอย่างไร

ล่าสุดเป็นคิวสนช. เห็นชอบรายงานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง เสนอให้รัฐบาลปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือแวต อีกร้อยละ 1

อ้างทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น 7 หมื่นล้านบาทต่อปี

เดือดร้อนกระทรวงการคลังต้องรีบออกมาเบรกทันควัน ทั้งเตรียมเสนอให้รัฐบาลตรึงภาษีแวตร้อยละ 7 ไปอีก 1-2 ปี เพื่อไม่ให้กระทบกับภาวะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว

สรุปภาพรวมครบรอบ 3 ปี รัฐบาลคสช.ต้องเร่งปลดชนวนระเบิดหลายลูกพร้อมกัน โดยต้องห้ามพลาดแม้แต่ลูกเดียว

ไม่เช่นนั้นต่อให้ไม่ระเบิดตอนนี้

ก็ต้องไประเบิดในอีก 4 เดือนข้างหน้าอยู่ดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน