เป้าหมายของพรรคร่วมฝ่ายค้านในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจที่จะเริ่มในวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ด้านหลัก อาจอยู่ที่”สังคม”โดยรวม
เป็นการฟ้องโทษกรรมอันเนื่องแต่ปฏิบัติการของคสช.ผ่านกระบวนการรัฐประหารนับแต่เดือนพฤษภาคม 2557 กระทั่งภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562
เป็นการฟ้องให้สังคมและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ประชาชน” ได้รับรู้อย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการ
ผ่านกระบวนการ”โพรเจ็กค์ พิน็อคคิโอ” ผ่าน”ยุทธการอรุณรุ่ง”
ขณะเดียวกัน ก็เท่ากับเป็นการหยั่งไปยังมโนสำนึกในทางการเมืองโดยเฉพาะจาก 2 พรรคอันเป็นตัวหลักในการร่วมรัฐบาล
1 พรรคประชาธิปัตย์ 1 พรรคภูมิใจไทย
ด้วยกลยุทธ์ทางการเมืองในลักษณะโดดเดี่ยวและแยก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐ ออกมาให้อยู่ในฐานะเป้าเด่นในการกระหน่ำยิงอย่างไม่ยั้ง
จึงไม่เห็นรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่เห็นรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยอยู่ในบัญชีรายชื่อ
นอกจาก 3 ป อันเป็นตัวหลักซึ่งก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แล้วอีก 3 คนก็เป็นตัวขับเน้น
ไม่ว่าจะเป็น นายวิษณุ เครืองาม ไม่ว่าจะเป็น นายดอน ปรมัตถ์วินัย ไม่ว่าจะเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
เท่ากับฉายชี้เป้าใหญ่คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือภาพของพิน็อคคิโอ ถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยจะให้คะแนนอย่างไร
เป้าหมายใหญ่ของพรรคร่วมฝ่ายค้านมิได้คิดไปถึงขั้นยุบสภาหรือลาออก
เป้าหมายใหญ่คือฝากรอยแผลเหวอะหวะในทางการเมือง
เป็นรอยแผลที่หมายเน้นไปยังร่างของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเป็นด้านหลัก
ตั้งเป้าเล็กๆว่าจะนำไปสู่การปรับครม.
ขณะเดียวกัน อาศัยกระบวนการปรับครม.เหมือนกับหอกที่ทะลวงลึกลงไปในรอยแผลให้ยากแก่การรักษาและเยียวยา
ก่อความขัดแย้ง สร้างความแตกแยกภายในรัฐบาล
เป็นความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ เป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย
ในที่สุดก็จะกลายเป็นยุทธการเสือทะลายห้าง