ประชาชน-ญาติวีรชนจัดรำลึก 40 ปี 6 ตุลาฯ 2519 ที่ธรรมศาสตร์ และจุฬาฯ ย้อนอดีตล้อมปราบประชาชนกลางกรุงเทพฯเพื่อเป็นบทเรียนปัจจุบัน แม้ประวัติศาสตร์ยังไม่มีการชำระให้กระจ่าง ‘โจชัว หว่อง’ที่ถูกทางการไทยห้ามเข้าประเทศ สไกป์จากฮ่องกงมาเวทีจุฬาฯ โดนจนท.ห้ามพูดเรื่องถูกกักตัว-ห้ามพูดปลุกระดม-ห้ามพูดกระทบจีน ถ้าฝ่าฝืนล้มงานทันที นักต่อสู้รุ่นใหม่ฮ่องกงขอให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ในไทยจะเป็นส่วนหนึ่งในการก้าวลุกขึ้นมาตัดสินใจกำหนดอนาคตของตนเอง

 

เมื่อเวลา 05.30 น.วันที่ 6 ต.ค.ที่สวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีกิจกรรมรำลึก 40 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 โศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ชาติไทย เจ้าหน้าที่รัฐกับกลุ่มมวลชนจัดตั้งล้อมปราบนักศึกษาประชาชนใจกลางเมืองหลวง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมาก

 

กิจกรรมเริ่มจากทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 41 รูป จากนั้นนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเปิดงานว่า เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ คอยเตือนว่าคนไทยเคยฆ่ากันอย่างโหดร้ายทารุณเพราะความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงอดีตได้ แต่สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตได้ แม้เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ยังไม่มีการชำระประวัติศาสตร์อย่างกระจ่างชัด แต่ไม่อาจปกปิดความจริงได้ การรำลึก 40 ปีเป็นการดำเนินการทางประวัติศาสตร์เพื่อไม่ให้ถูกลืมเลือนความใฝ่ฝันความหวังของผู้เสียชีวิต ที่เป็นภารกิจของคนที่ยังมีชีวิตอยู่

02145636

นายสุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ อดีตนักศึกษายุค 6 ตุลาฯ กล่าวสุนทรกถา หัวข้อ “40 ปีเปลี่ยนผ่านประเทศไทย : 40 ปีเปลี่ยน-40 ปี ไม่ผ่าน?” ว่า ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองไทยปกติหรือไม่ การจัดงานรำลึก 6 ตุลาฯ เป็นเรื่องจำเป็น 40 ปีผ่านไปความทรงจำของ 6 ตุลาฯ กลายเป็นปัญหาโดยตัวเอง ประวัติศาสตร์ชุดนี้เหมือนเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม เป็นประวัติศาสตร์ที่คลุมเครือ ปีนี้เราเริ่มเห็นภาพหลายภาพจากผู้สื่อข่าวต่างประเทศมากขึ้น มีหลายคนพยายามค้นหาว่ามีผู้เสียชีวิตถูกผูกคอที่ต้นมะขาม สนามหลวง กี่คน ตอนแรกเชื่อว่ามี 1 คน แต่วันนี้พบว่าอาจมีถึง 4-5 คน

 

นายสุรชาติกล่าวต่อว่า การเมืองไทยช่วง 40 ปีที่ผ่านมาถ้าเปรียบเหมือนรถไฟการเมืองไทยไม่ใช่รถไฟความเร็วสูงหรือความเร็วปกติ แต่เหมือนรถไฟ 2 รูปแบบ 1.รถไฟเด็กเล่นที่วิ่งวนไปมา การเปลี่ยนผ่านไม่ใช่หลักประกันที่ทำให้เกิดพัฒนาการทางการเมือง แต่เป็นหลักประกันที่ดีสำหรับชนชั้นนำ ผู้นำทหารและบรรดากลุ่มอนุรักษนิยมที่เชื่อว่าในท้ายที่สุดการเมืองไทยจะไม่พัฒนาและอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา และ 2.การเปลี่ยนผ่านไม่ต่างจากรถไฟเหาะในสวนสนุก วิ่งขึ้นลง เมื่อวิ่งถึงจุดสูงสุดก็จะวิ่งลงถึงจุดต่ำสุด

 

นายสุรชาติกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ถ้าจะเป็นการเตือนสติคนรุ่นหลังและคนมีอำนาจปัจจุบันบ้าง ก็คือ การปลุกระดมใส่ร้ายป้ายสีนำไปสู่การแตกแยกขนาดใหญ่ และใช้ความรุนแรงโดยรัฐเข่นฆ่า ไม่ใช่การแก้ปัญหา เงื่อนไขแรกของการพัฒนาประชาธิปไตยไทยต้องเอาทหารออกจากการเมือง เป็นสิ่งที่ท้าทาย อำนาจนอกระบบต้องยอมปล่อยให้การเมืองไทยกลับสู่ภาวะปกติ ทำรัฐสภาให้เป็นรัฐสภา ทำศาลเป็นศาล ทำรัฐบาลเป็นรัฐบาล ความสัมพันธ์ทางการเมืองขององค์กรทั้งสามส่วนนี้ต้องอยู่ภายใต้ระบบตรวจสอบและถ่วงดุล ไม่ใช่ภาวะตรวจจับและทำลายดุล แต่ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลจะถูกกดทับด้วยยุทธศาสตร์ที่ไม่รู้ว่าคนร่างมีความรู้มากเพียงใด” นายสุรชาติกล่าว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานบรรดาญาติวีรชนและประชาชนร่วมกันวางพวงหรีดและดอกไม้ที่อนุสาวรีย์ 6 ตุลาฯ อ่านบทกวีจากนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ เยาวชนอดีตเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท และนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาต่อเนื่อง

oct6

เวลา 16.30 น.ที่หอประชุมศรีบูรพา เสวนาเรื่องเสียงของความเงียบ โดยญาติเหยื่อทางการเมือง ได้แก่ นางละเมียด บุญมาก ภรรยานายจีระ บุญมาก นักศึกษาที่ถูกยิงเสียชีวิตรายแรกในเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของน.ส.กมลเกด อัคฮาด อาสาพยาบาลที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เดือนพ.ค. 2553 นายเมธา มาสขาว ญาติวีรชนพฤษภาทมิฬ 2535 และเลขานุการเครือข่ายวีรชนพฤษภา 35

201610061856458-20030315182530

น.ส.รอมือละห์ แซแยะ ภรรยานายมูฮัมหมัดอัณวัร หะยีเต๊ะ นักกิจกรรมด้านสันติภาพในจังหวัดชายแดนใต้ ถูกคุมขังข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร ดำเนินรายการโดยนายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะมนุษยวิทยาและสังคมวิทยา มธ.

 

นางละเมียด กล่าวว่า ตนเสียผู้นำครอบครัว ผ่านมากว่า 40 ปีสังคมไทยยังทะเลาะกันอยู่ ทั้งม็อบเหลืองและแดง ต่างฝ่ายต่างอ้างประชาธิปไตย แต่ทำไมปล่อยทหารมายึดอำนาจได้ ควรหันหน้าคุยกันร่วมกันหาทางออก ผู้นำที่พาประชาชนออกมาชุมนุมต้องรับผิดชอบต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์ด้วย

 

นางพะเยาว์กล่าวว่า ตอนลูกสาวถูกยิง มีการโยนความผิดให้ชายชุดดำ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ. บอกว่าเป็นพยาบาลเถื่อน แต่วันนี้ศาลตัดสินสาเหตุการตายแล้วว่าเป็นฝีมือทหาร สุดท้ายก็มีการรัฐประหารเกิดขึ้น ความยุติธรรมไปไหน แต่ที่ไม่ลืมคือก่อนสลายการชุมนุม รัฐบาลสร้างผังล้มเจ้าขึ้นมา สร้างความเกลียดชังและกลายเป็นใบอนุญาตฆ่า ต่อมารัฐบาลยอมรับเองว่าผังไม่มีจริง รัฐเห็นประชาชนเป็นอะไรที่จะฆ่าแกงกันง่ายๆ

 

น.ส.รอมือละห์กล่าวว่า สามีถูกจับกุมตั้งแต่เรียนมหา’ลัย สามีพยายามทำสื่อสันติภาพในพื้นที่เพื่อเปล่งเสียงให้คนไทยได้ยินความอยุติธรรม แต่เหมือนตะโกนในโอ่ง การที่รัฐไม่ฟังเสียงประชาชนเหมือนกับประชาชนไม่ใช่คน คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องเผชิญและทนกับความไม่เป็นธรรมมากว่าสิบสองปีแล้ว ตนไม่อยากเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดเกิดกับคนในกรุงเทพฯ หรือส่วนอื่นๆ ของประเทศไทย รัฐไทยควรเรียนรู้อดีตที่เคยทำผิดพลาด และไม่กระทำผิดซ้ำรอยเดิมอีก

201610061846444-20030315182530

 

นายเมธากล่าวว่า ปัจจุบันเรื่องคนหายในเดือน พ.ค. 2535 ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่ความลับไม่มีในโลก ประชาชนคนธรรมดาต้องช่วยกันทำความจริงให้ปรากฏ รัฐไทยถนัดแบ่งแยกแล้วปกครอง ต้องยกเลิกอำนาจพิเศษได้แล้ว ทั้งกฎอัยการศึก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคง ต้องยึดถือกฎหมายที่สากลยอมรับ และเยียวยาครอบครัวผู้เสียหายและเหยื่อทางการเมืองให้คลี่คลาย

 

วันเดียวกันเวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมเกษม สุวรรณกุล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ มีการจัดงาน “6 ตุลาฯ ชาวจุฬาฯ มองอนาคต” นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า การจัดงานวันนี้ผู้จัดงานส่วนใหญ่เป็นนิสิตปี 1 โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยชี้แนะ เหตุผลในการจัดเนื่องด้วยครบ 40 ปี 6 ตุลาฯ ถือว่ามีคุณูปการอย่างมากมายแก่สังคมไทย แม้เหตุการณ์นี้ถูกปิดกั้นในการเรียนและไม่มีปรากฏในตำราเรียน แต่มีคุณูปการหลากหลายด้าน ทั้งด้านจิตวิทยาหรือการใช้ความรุนแรงในสมัยก่อน คนรุ่นนั้นถูกปราบถูกฆ่า แต่ล้วนเป็นคนหนุ่มสาวที่ต้องการอนาคต

87332

นายเนติวิทย์กล่าวต่อว่า กรณีนายโจชัว หว่อง ที่ถูกกักตัวและส่งตัวกลับฮ่องกงส่วนตัวรู้สึกเสียใจและผิดหวังที่รัฐบาลไทยทำกับเพื่อนที่จะมาพูดเรื่องเสรีภาพทางวิชาการ ทั้งที่เราน่าจะได้มาศึกษาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ให้ขยายมากขึ้น แม้โจชัวจะมาไม่ได้ทางกายภาพ แต่จะสไกป์สดจากฮ่องกงมายังไทย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ห้ามไม่ให้นายโจชัวพูด 3 ประเด็น คือ 1.ห้ามพูดเรื่องถูกกักตัวที่ไทย 2.ห้ามพูดปลุกระดม 3.ห้ามพูดวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีน หากละเมิดข้อตกลงจะเตือนก่อน หากยังพูดในประเด็นที่ห้ามต่อจะถูกปิดงานทันที

 

นายเนติวิทย์กล่าวอีกว่า ขอชี้แจงและแก้ไขข้อเท็จจริง กรณีสื่อบางฉบับนำเสนอว่านายโจชัวปลอมชื่อเพื่อเข้ามาในไทย ทั้งที่ชื่อ หว่อง ไค ฟุง เป็นชื่อจริงของเขาอยู่แล้ว ทำไมจึงต้องมีความพยายามบิดเบือนความจริง จึงอยากชี้แจงสื่อที่บิดเบือนความจริงว่าทำด้วยความไม่รู้หรือด้วยสาเหตุอะไร

 

เวลา 19.30 น. ปาฐกถา เรื่อง การเมืองของคนรุ่นใหม่ โดยนายโจชัว หว่อง นักศึกษานักกิจกรรมชาวฮ่องกง ปาฐกถาผ่านสไกป์ ทั้งนี้ก่อนการปาฐกถา นายเนติวิทย์ขึ้นกล่าวว่า ขอโทษนายโจชัว หว่อง ที่รัฐบาลของเราปฏิบัติกับนายเยี่ยงนี้ ซึ่งจริงๆ เเล้วรัฐบาลไม่ได้ปฏิเสธนายเพียงคนเดียว เเต่ทำมาเเล้วหลายครั้ง

 

นายโจชัวเริ่มด้วยการอธิบายภาพรวมของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงว่ามีการปกครองรูปแบบใด จากนั้นเล่าและอธิบายถึงความสนใจทางการเมืองของตนเองในปี ค.ศ.2010 จนถึงปัจจุบันว่าเกิดจากความต้องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการศึกษาและรูปแบบการปกครองภายในประเทศ และเล่าถึงกิจกรรมที่ได้กระทำ รายละเอียดการประท้วงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ

 

นายโจชัวเล่าถึงการก่อตั้งพรรคเดโมซิสโต้ ว่าเป็นหนึ่งในความพยายามของการต่อสู้ พร้อมอธิบายถึงความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ผ่านทางนายนาธาน ลอว์ สมาชิกพรรคที่ได้รับเลือกดำรงตำแหน่งสภานิติบัญญัติที่อายุน้อยที่สุดเพียง 23 ปี อนาคตหวังว่านักเรียนและกลุ่มคนรุ่นใหม่ในไทยจะเป็นส่วนหนึ่งในการก้าวลุกขึ้นมาตัดสินใจกำหนดอนาคตของตนเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน