การกลับมาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยเข้าร่วมประชุมที่สภากลาโหม
เท่ากับยืนยันในความเป็นปรกติ
ไม่ว่าความเป็นปรกติแห่งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ไม่ว่าความเป็นปรกติแห่งพลานามัย
เหมือนกับยืนยันว่า ทุกอย่างยังดำรงอยู่และดำเนินไปในสภาพที่เรียกว่า “เหมือนเดิม”
เห็นจากการยืนยันของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เป็นการยืนยันด้วยการชู 2 นิ้วอันบ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง หากเปล่งตามสำนวนของวัฒนธรรมเจ-ป๊อบก็ต้องบอกว่า
“สู้ สู้”
กระนั้น หากจับจากสีหน้า ดวงตา และวัสดุอุปกรณ์อันซ่อนแฝงอยู่ภายใต้เครื่องแบบ
ก็ต้องยอมรับว่า “ไม่เหมือนเดิม”
พลันที่กัมปนาทแห่งระเบิดกึกก้องขึ้นจาก”ห้องวงษ์สุวรรณ” ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
จากวันที่ 22 มายังวันที่ 30 พฤษภาคม
คล้ายกับระเบิดจะพุ่งเป้าไปเนื่องในวาระครบ 3 ปีของรัฐประหารเมื่อปี 2557
แต่ความจริงเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เท่ากับเป็นการวางระเบิดเข้าไปตรง”หัวใจ”ของ พล.อ.ประ วิตร วงษ์สุวรรณ อย่างไม่ปิดบังอำพราง
อย่างนี้จะยัง”เหมือนเดิม”อีกหรือ
มีความพยายามแปร “วิกฤต” จากกัมปนาทแห่งระเบิดให้กลายเป็น “โอกาส”ในทางการเมือง
เห็นได้จากการเสนอ 4 คำถามขึ้นมา
คล้ายกับนี่คือ การรุกใหญ่อีกครั้งในทางการเมือง เพื่อโยนคำถามให้ประชาชนตอบ
ผ่าน”ศูนย์ดำรงธรรม” กระทรวงมหาดไทย
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะคึกคักอย่างยิ่งเพราะเท่ากับเป็นการรุกกลับไปยัง “นักการเมือง” แต่กล่าวสำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ไม่แน่ว่าจะคึกคักไปด้วย
เพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รู้ดีว่า”ไม่เหมือนเดิม”