สถานการณ์ระเบิดที่ห้องวงษ์สุวรรณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ากำลังเสนอ “มิติ” ใหม่ในทางการเมือง

เป็น “มิติ” แห่งอาการ”ฟันธง”

ต้องยอมรับว่าหลังกัมปนาทแห่งระเบิดมีความพยายามจาก บางส่วน บางฝ่าย ใช้ความจัดเจน”เดิม”

เหมือนกับระเบิด “ท้าวมหาพรหม”

เหมือนกับระเบิดห้างสรรพสินค้าบนเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี หรือแม้กระทั่งเหมือนกับระเบิด 7 จังหวัด 11 จุดในจังหวัดภาคใต้ ตอนบน

นั่นก็คือ โยนไปให้ “ทักษิณ”

ไม่ว่าโฆษกจาก”ทำเนียบรัฐบาล” ไม่ว่าโฆษกจาก”กลาโหม” ไม่ว่าโฆษกจาก”คสช.”

แต่มาถึง”ห้องวงษ์สุวรรณ”กลับ”เงียบ”

แม้ว่าโฆษกจาก”ทำเนียบรัฐบาล” จะเงียบ โฆษกจาก”กลาโหม” จะเงียบ โฆษกจาก”คสช.”จะเงียบ

แต่ก็มี “เสียง” จาก “ประชาธิปัตย์”

บางคนถึงกับเตือนคสช. เตือนรัฐบาลให้ระวังเมื่อคดี”จำนำข้าว”ร้อนแรง

แต่ไม่ปรากฏ “ปฏิกิริยา” เด้งรับ

ไม่เพียงแต่โฆษกจาก”ทำเนียบรัฐบาล”จะปิดปาก หากโฆษก จาก”กลาโหม”และโฆษกจาก”คสช.”ก็ไม่สำนอง

“ระเบิด” จาก”ประชาธิปัตย์”จึงด้าน

ไม่ระเบิดเหมือนเมื่อวันที่ 5 เมษายน ไม่ระเบิดเหมือนเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม และไม่ระเบิดเหมือนเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม

“ธง”ผืนเดิมจึงเริ่มหมด”ความหมาย”

อาจเป็นเพราะเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม จุดแห่งกัมปนาทของระเบิดเป็น

1 ห้องวงษ์สุวรรณ 1 โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า

ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด คือ เป็นวันที่ 22 พฤษภาคม

เพียงเห็นวันที่ 22 พฤษภาคม ก็ต้องงัน

งันเหมือนเห็นการล็อกเป้าที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าและเจาะจงเป็นห้องวงษ์สุวรรณ

นี่เป็นเรื่องของ”ช้างตกมัน” นี่เป็นเรื่องของ”ช้างสาร”ชนกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน