คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ออกไปเคลื่อน ไหวร่วมกับกปปส. ซึ่งเป็นการชุมนุมประท้วงที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นเงื่อนไขให้อำนาจนอกระบบเข้ามาตัดตอนพัฒนาการประชาธิปไตย
ในที่สุดก็พากันกลับคืนสู่พรรคเดิม โดยยืนยันว่า ทุกคนเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์อย่างยาวนาน และพร้อมจะปฏิรูปประเทศไทยต่อไป
ทราบกันดีว่า ในช่วงเคลื่อนไหวชัตดาวน์ปลายปี 2556 ถึงต้นปี 2557 นั้น นอกจากจะปฏิเสธการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่แล้ว ยังขัดขวางการเลือกตั้งอีกด้วย
ขณะที่อดีตหัวหน้าพรรคที่เคยประกาศยึดมั่นในระบบรัฐสภา ก็ไม่มีท่าทีคัดค้านใดๆ
ถือเป็นประเด็นที่จะถูกกล่าวถึงอีกยาวนาน
ต้องยอมรับว่าพรรคนี้ดำรงคู่กับระบอบประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน มีวัฒนธรรมทางการเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ สมาชิกภูมิใจว่ามีส่วนเป็นเจ้าของพรรค จุดยืนไม่เอาระบอบเผด็จการ
ในอดีตเมื่อมีการเลือกตั้ง ก็ลงสมัครทุกครั้ง ได้ส.ส.น้อยกว่าก็เป็นฝ่ายค้าน คอยตรวจสอบการทำงานรัฐบาล เมื่อได้เสียงข้างมากก็ทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร สลับกันไป
เมื่อการเมืองเปลี่ยนแปลงไปเพราะรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ปรากฏว่าไม่เคยได้รับเสียงข้างมากพอที่จะเป็นรัฐบาล จนมีสมาชิกพรรคออกมาเรียกร้องให้ทบทวนตัวเอง โดยเฉพาะแนวนโยบาย
ให้เลิกอ้างว่าแพ้เพราะอีกฝ่ายซื้อเสียงได้แล้ว
การรับเอาผู้ที่ออกไปเคลื่อนไหวนอกสภามา กลับเข้ามาครั้งนี้ ส่วนหนึ่งอาจหวังผลจากเสียงของมวลชนที่ร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเก่าก็ได้ แต่ย่อมหนีไม่พ้นถูกอีกฝ่ายขุดคุ้ยพฤติกรรมสุดโต่งอันขัดกับหลักประชาธิปไตย จึงเป็นเรื่องน่าติดตามกันต่อไป
กระนั้นก็ตาม การกลับมาสู่หนทางการเลือกตั้งของอดีตส.ส.ที่ไปร่วมเคลื่อนไหวนอกสภา และการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์เอง ถือเป็นแนวทางของพรรคการเมืองที่ถูกต้อง
เพราะนักการเมืองและพรรคการเมือง ต้องเชื่อมั่นในการตัดสินใจของประชาชน มากกว่าพึ่งอำนาจนอกระบบ
เส้นทางประชาธิปัตย์นับจากนี้ ควรกลับมาเป็นพรรคต่อต้านเผด็จการทหารเหมือนดังที่เคยโดดเด่น และประชาชนจะจับตามองอย่างเข้มข้นต่อไป