เป็นไปตามวงรอบทางการเมืองไม่ว่ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้งหรือรัฐบาลมาจากวิธีพิเศษ
เมื่อบริหารประเทศมาได้พักใหญ่ๆ เป็นเวลา 2 ปีหรือ 2 ปีครึ่ง มักจะมีเหตุให้ต้อง “สะดุดขาตัวเอง” จนเป๋ไปเป๋มา
รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ก็หนีไม่พ้นวงรอบนี้
จากเรื่องใหญ่ขนาดเท่า”เรือรบ”ตอนเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ๆ ยังไม่เป็นเรื่อง
แต่เมื่ออยู่มาได้ 2 ปีกว่าเรื่องขนาดเท่า”ไม้จิ้มฟัน”ก็ยังเป็นเรื่องขึ้นมา แถมยังขยายวงลุกลามรวดเร็วจนดับแทบไม่ทัน
สถานการณ์สะดุดขาตัวเองที่รัฐบาลคสช.กำลังประสบอยู่
เริ่มจากกรณีฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา ตามติดด้วยกรณีบริษัท คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น อันมีที่ตั้งอยู่ในรั้วกองทัพภาคที่ 3
ถูกโยงให้เป็นเรื่องภายในพี่น้องเครือญาติ
ล่าสุดที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยเฉพาะในโลกโซเชี่ยลออนไลน์
กรณีทริปเช่าเหมาลำ”ฮาวาย” ด้วยเงินงบประมาณเฉียดๆ 21 ล้านบาท
ถูกโยงให้เรื่องภายในพวกพ้องคนใกล้ชิด
นอกจากนี้ไม่ว่ากรณีฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา ไม่ว่ากรณีคอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น หรือกรณี “อโลฮา ฮาวาย” ก็ตาม
ไม่เพียงกระตุ้นให้สังคมนึกย้อนไปถึงโครงการ“อุทยานราชภักดิ์”เมื่อไม่นานมานี้
ยังทำให้บรรดากองเชียร์ที่เคยแซ่ซ้องสรรเสริญว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไร้ซึ่งผลประโยชน์ทับซ้อน ซื่อสัตย์สุจริตยิ่งกว่ารัฐบาลใดๆ ที่ประเทศไทยเคยมีมา
ถึงกับจุก พูดไม่ออก
ส่วนคำถามว่าเรื่องทั้งหมดที่ “แดง”ออกมา เป็นการเล่นเกมการเมืองเพื่อบอกว่า “เมื่อคุณว่า ฉันเลว คุณก็เลวด้วย” อย่างที่พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาลและรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์แถลงหรือไม่
คำตอบคือเป็นเกมการเมืองแน่นอน
แต่เป็นเกมการเมือง”ภายใน”หรือเป็นเกมการเมือง”ภายนอก”
ยังไม่มีใครตอบได้ หรืออาจไม่กล้าตอบ
การพิจารณาเพื่อหาคำตอบว่ากรณีฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา กรณีคอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น และกรณี “ฮาวาย” เป็นเกมการเมืองภายในหรือจากภายนอกนั้น
ต้องดูจาก”ต้นตอ”ข้อมูลว่ามาจากแหล่งใด
กรณีฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา ที่ต่อมาได้รับการขยายความโยงไปถึงกรณีบริษัท คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น
แม้จุดเริ่มการ”เป็นข่าว”มาจากการมีผู้นำโพสต์ลงในโลกโซเชี่ยลออนไลน์
แต่ข้อมูลระดับต้นตอที่แท้จริงมาจากเว็บไซต์”สมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม”
กรณี”ฮาวาย”ก็ดำเนินไปในรูปแบบไม่ต่างกัน
เพียงแต่ข้อมูลระดับต้นตอมาจากเว็บไซต์”สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี”
ข้อสังเกตก็คือทั้ง 2 เว็บไซต์เป็นของส่วนราชการ
เป็นเว็บไซต์สาธารณะที่ไม่ว่านักการเมือง ประชาชนคนธรรมดาหรือใครก็ตามสามารถ”เข้าถึง”ได้โดยง่าย
ฝ่ายรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมชี้แจงถึงกรณี “ฮาวาย” ว่าเอกสารตัวเลขค่าใช้จ่ายที่เล็ดลอดจากเว็บไซต์สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีนั้น
เป็นเรื่องปกติของรัฐบาลที่มีเจตนาเปิดเผยข้อมูลเพื่อแสดงความโปร่งใสและตรวจสอบได้
อีกทั้งในการตรวจสอบเบื้องต้นโดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือสตง.ก็ไม่พบความผิดปกติในตัวเลขค่าใช้จ่าย ที่ส่อแสดงให้เห็นว่าอาจมีการทุจริตแต่อย่างใด
รวมถึงนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ออกมานั่งโต๊ะแถลงร่วมกับพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล และพล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม
ยืนยันราคาค่าจัดหาเครื่องบินเช่าเหมาลำ นักบิน ค่าอาหาร ฯลฯ ทุกอย่างเป็นไปโดยถูกต้องเหมาะสม
ส่วนที่ออกมาเป็น 20.9 ล้านบาท เป็นการคิดคำนวณตามระบบ”ราคากลาง”เท่านั้น ไม่ใช่”ค่าใช้จ่ายจริง”ที่อาจน้อยกว่านั้น ส่วนจะเท่าไหร่ต้องรอสรุปตัวเลขอีกครั้ง
ส่วนกระแสซุบซิบในโลกโซเชี่ยลออนไลน์เกี่ยวกับพิธีกรและผู้ประกาศข่าวสาวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ได้รับการยืนยันจากทีมโฆษกกระทรวงกลาโหมว่า
ไม่ได้ร่วมไปกับคณะทริปฮาวายแต่อย่างใด
เป็นอันเคลียร์ชัดทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ การคิดคำนวณสูตรค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกับที่เคยใช้กับทุกรัฐบาล
แต่สุดท้ายทุกอย่างจะจบจริงหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
ถึงจะได้รับการเคลียร์ปมทุจริตแล้วก็ตาม
แต่ผลกระทบจากกรณีทริป “ฮาวาย” ได้ก่อให้เกิดความหวาดระแวงบางอย่างขึ้น
ว่าลึกๆ แล้วเป็นเกม”เอาคืน”กรณีฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนาและบริษัท เทมโพรารี คอนสตรัคชั่น หรือไม่
เพราะกรณีทริป “ฮาวาย” ถึงจะเป็นข้อมูลเปิดเผยในเว็บไซต์สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่บางคนอาจเข้าไปพบโดยบังเอิญแล้วฉกฉวยนำไปเป็นประเด็นโจมตี
แต่ข้อหวาดระแวงว่าอาจมี “คนใน”ที่เป็นพวกเดียวกันแต่อยู่คนละฝ่ายทำหน้าที่”ชี้เป้า”ให้ฝ่ายการเมืองนำไปขยายผลก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
เหมือนที่”พี่ใหญ่”คสช.ทิ้งประโยคปริศนาไว้ให้คิดหลังตก เป็นเป้า
“คิดว่าเขาตั้งใจจะเล่นงาน”
อีกข้อสังเกตหนึ่งคือนับตั้งแต่มีกระแสทริปฮาวาย ปูดออกมาในโซเชี่ยลออนไลน์
กระแสเรื่องฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา กระแสเรื่องบริษัท คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ก็ค่อยๆ เงียบหายไป
ฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากยัง มีการปล่อยข้อมูลอื่นตามมาอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่ารายชื่อผู้โดยสารจำนวน 43 คน ไม่ว่าการขยายประเด็นไปยัง ผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 กับบริษัทส่วนตัวที่รับงานของหน่วยงานรัฐ
เหมือนไม่ต้องการให้เรื่องจบง่ายๆ
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ออกมาจากฝ่ายการเมือง เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลแต่อย่างใด ส่วนจะออกมาจากไหนเชื่อว่าการข่าวฝ่ายความมั่นคงน่าจะให้คำตอบได้ไม่ยาก
นักการเมืองแกนนำพรรคประชาธิปัตย์มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นเรื่องปกติของผู้มาจากการยึดอำนาจที่ช่วงท้ายมักจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเดินตามรอยประวัติศาสตร์ ยิ่งอยู่นานข้อมูลยิ่งเล็ดลอดออกมา
ซึ่งจะมีผลต่อกลุ่มผู้มีอำนาจเองในอนาคตโดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งในปี 2560 ที่เชื่อว่าข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ จะถูกขุดขึ้นมากล่าวถึงอีกครั้ง
และกระทบต่อคุณสมบัติของผู้ที่มีชื่อเป็น “เต็งหาม”ตำแหน่งนายกฯคนนอก
ดังนั้น สิ่งที่พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด แถลงว่าทั้งหมดเป็นเกมการเมือง ถ้าจริงก็เป็นเกมการเมืองฟาดฟันกันเอง มากกว่าจะเป็นเกมการเมืองจากภายนอก
ที่เฝ้ามองศึกภายในครั้งนี้อยู่ห่างๆ เท่านั้น