คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

การจัดซื้ออาวุธรถเกราะและการเดินหน้าโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูง มีความเคลื่อนไหวขึ้นมาใกล้เคียงกันพอดี

แม้เรื่องทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องความมั่นคง แต่อีกเรื่องเป็นเศรษฐกิจการลงทุน แต่มีจุดร่วมอยู่ที่นโยบายขับเคลื่อนและผลักดันความก้าวหน้าของประเทศ

อีกทั้งยังเป็นเรื่องลงทุนของรัฐ การใช้งบประมาณของประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคู่ค้าซึ่งต่างมีความสัมพันธ์อันดีกับไทยมายาวนาน

เพียงแต่การกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเหล่านี้ทำให้ไทยต้องปรับตัวอย่างรอบคอบเพื่อผลประโยชน์สูงสุด

ในความสัมพันธ์กับจีน คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการจัดซื้อรถเกราะ 34 คัน งบประมาณ 2,300 ล้านบาท ด้วยเหตุผลความจำเป็นต้องทดแทนของเดิมที่เก่าแล้ว

เป็นความคืบหน้าต่อเนื่องจากโครงการซื้อ เรือดำน้ำของกองทัพเรือเพื่อเพิ่มศักยภาพ วงเงินระยะที่หนึ่ง 1.35 หมื่นล้านบาท ช่วงเดียวกับที่มีการตั้งงบประมาณด้านกลาโหมปี 2561 จำนวน 2.22 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.16 จากปีงบประมาณ 2560

เวลาใกล้เคียงกันนี้ยังมีแนวโน้มว่าจะมีออกประกาศคำสั่งมาตรา 44 เพื่อเร่งดำเนินการรถไฟไทย-จีนในเวลาอันใกล้ ด้วยการข้ามขั้นตอนและข้อจำกัดของกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ปัจจุบัน

อันเป็นมาตรการที่บ่งบอกถึงความพิเศษเหนือโครงการก่อสร้างทั่วไป

สําหรับญี่ปุ่น รัฐบาลพยายามจะใช้โอกาสฉลองความสัมพันธ์ 130 ปีดึงนักลงทุนญี่ปุ่นเข้าร่วมโครงการเชื่อมจากระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี

มีแนวโน้มจะพิจารณาขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกทม.-ระยอง ให้ต่อเชื่อมไปถึงพระนครศรีอยุธยาตามที่ได้รับคำเรียกร้องเพื่ออำนวยความสะดวกและกระตุ้นการลงทุน

นอกจากนี้ยืนยันว่าจะไม่ล้มเลิกเส้นทางไฮสปีด กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ที่ผลักดันตั้งแต่รัฐบาลก่อน เพราะตระหนักดีว่าจะเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจระยะยาว

อย่างไรก็ตาม โครงการรถไฟไม่อาจรวดเร็วเหมือนรถถัง เพราะยังต้องรอการตัดสินใจของประเทศคู่ค้า รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่จะเป็นฐานสำคัญ

ซึ่งที่ผ่านมายังขยับน้อยมากเพื่อรอการปลดล็อกทางการเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน