ต้องยอมรับว่าทีมงาน”ไหทองคำ เร็กคอร์ด”สามารถต้านกระแสอันโยนมาจาก “คสช.”ได้สำเร็จ

นั่นก็โดยใช้กลยุทธ์”ถอย”

ไม่ว่าท่วงทำนองของ อาจารย์ประจักษ์ เนาวรัตน์ ไม่ว่าท่วงทำนองของ ลำไย ไหทองคำ

ดำเนินไปอย่างเป็น “เอกภาพ”

ไม่ดื้อรั้น ดึงดัน ยอมรับข้อท้วงติงจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยความเคารพ

เห็นได้จากการกล่าว “ขอบคุณ”

ขณะเดียวกัน ไม่ว่าเสื้อ ไม่ว่ากางเกง แม้จะยังยึดกุมวัฒนธรรมยีนส์อยู่ แต่เรียบๆร้อยๆมากยิ่งขึ้น

ผลก็คือ พี่ทหาร พี่ตำรวจ พอใจ

แต่ไม่ว่า ลำไย ไหทองคำ และค่ายเพลงไหทองคำ เร็กคอร์ด จะดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดแบบไหน

ผลก็อึกทึก กึกก้องอย่างยิ่ง

อึกทึก กึกก้อง เพราะได้รับการร่วมด้วยช่วยกันจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประสานเข้ากับ “เจ๊ระเบียบรัตน์”

การโปรโมชั่นจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจ”เบรก” ลำไย ไหทองคำ ได้ระดับหนึ่ง

เนื่องจากเป็นการเบรกอย่างมี “อำนาจ”

รูปธรรมตามมาก็คือ การรุดไปตรวจสอบหน้าและหลังเวทีโดยพี่ทหารและพี่ตำรวจที่สุราษฎร์ธานี

เป็นใครก็ต้องขานรับ มิอาจขัดขืน

กระนั้น ปม 1 ซึ่งปะทุขึ้นโดยอัตโนมัติจากกรณีของ ลำไย ไหทอง คำ ก็คือ ปมแห่งการปะทะในทาง “วัฒนธรรม”

แต่ละคนต่างเผย”โฉม”ของตัวเองออกมา

ไม่ว่าจะจากกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ก้าวหน้า” ไม่ว่าจะจากกลุ่มที่เรียกตัวเองอย่างไม่ขัดเขินว่าเป็น “คนดี”

กรณี ลำไย ไหทองคำ กระเทาะ”หน้ากาก”ล่อนจ้อน

ประเด็นอันแหลมคมอย่างยิ่ง คือ ตัวอย่างแห่งความขัดแย้ง ระหว่างใหม่กับเก่า ตัวอย่างแห่งความไม่ลงรอยระหว่างจารีตนิยมกับเสรีนิยม

นำไปสู่การแบ่งแยกลักษณะสูง ต่ำของ”วัฒนธรรม”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน