ตามหาความจริง

คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

ตามหาความจริง – บทบรรณาธิการ – กรณีการยิงข้อความ #ตามหาความจริง ด้วยแสงเลเซอร์ ตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อย่างน้อย 6 แห่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การปราบปรามประชาชนในเดือนพฤษภาคม 2553

ประกอบด้วยบริเวณกำแพงวัดปทุมวนาราม บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามสแควร์ อาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ อาคารในซอยรางน้ำ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และกระทรวงกลาโหม รำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวที่ครบวาระ 10 ปี

ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ดังกล่าว สั่งให้ติดตามหาผู้กระทำและอยู่เบื้องหลัง เพื่อนำมาพิจารณาว่ามีความผิดข้อหาใด จะสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้หรือไม่

ซึ่งจะต้องจับตาดูว่าจะใช้ฐานความ ผิดใด

 

ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงกลาโหม ก็แถลงว่าเป็นการกระทำไม่เหมาะสม เป็นการแสดงออกและมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝง ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดกับสถาบันและองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

เป็นการยั่วยุให้เกิดความแตกแยก ชี้นำให้เกิดความหวาดระแวงและไม่เชื่อมั่นต่อกัน ไม่เป็น ผลดีต่อสังคมในสถานการณ์ของประเทศที่กำลังเผชิญปัญหาท้าทายร่วมกันอยู่ หากมองว่าต้องการตามหาความจริง หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถหาความจริงได้จากหลักฐานที่ปรากฏ

พร้อมกับระบุด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฝ่ายความมั่นคงกำลังติดตามและพิจารณาหาทางดำเนินการตามกฎหมายอยู่ คาดว่าสามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ไม่ยากจนเกินไป

ทั้งฝ่ายตำรวจและทหารต่างออกมาแสดงท่าทีชัดเจน

 

เหตุการณ์ล้อมปราบปรามประชาชนกลางใจเมือง จนมีผู้ล้มตายรวมแล้ว 99 ศพ ได้รับบาดเจ็บกว่า 2 พันชีวิต ยังไม่ได้มีการชำระสะสางอย่างเป็นธรรม ทั้งผู้สั่งการ ผู้ลงมือ ยังลอยนวลอยู่ได้โดยไร้ผิด

เป็นความจริงที่เกิดขึ้น โดยที่กระบวนการยุติธรรมที่แท้จริงยังเข้าไปไม่ถึง

ข้อเท็จจริงประจักษ์ชัดว่า คดีที่จะหาผู้รับผิดชอบต่อการปราบปราม 99 ศพ ยังไม่มีคดีใดแม้แต่คดีเดียว ที่สามารถนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ บางส่วนเคยสามารถส่งฟ้องศาลได้ แต่สุดท้าย มีการอ้างประเด็นข้อกฎหมายจนตกไปจากกระบวนการในที่สุด

เป็นเหตุให้ การทวงถามความจริงและความเป็นธรรมในเรื่องนี้ จึงยังคงปรากฏอยู่ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน