FootNote:10 ปี พฤษภาคม 2553 กับ #ตามหาความจริง
ไม่ว่าท่าทีอันมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าท่าทีอันมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่อปฏิบัติการ โฟโต ซีรีส์ ของ #ตามหาความจริง
มากด้วยความละเอียดอ่อน มากด้วยความอ่อนไหวยิ่งในทางการเมือง
เพราะหากการฉายสไลด์ ข้อความและภาพไปตามตัวตึกและอาคารสถานที่ซึ่งสัมพันธ์กับเหตุการณ์อันเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 เป็นความผิดเสียแล้ว
จะมีท่าทีอย่างไรต่อการจัดงานรำลึกถึงเหตุการณ์และความสูญเสียของเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 อันเกี่ยวกับคนตาย บาดเจ็บ ถูกจับกุมเป็นจำนวนกว่า 2,000 คน
ในเมื่อ #ตามหาความจริง ได้กลายเป็น “อาชญากรรม” เสียแล้ว พฤติการณ์ปล่อยคน “ลอยนวล” ให้พ้นผิดก็จะกลายเป็นปัญหา
สัจจะและความจริงก็จะเป็นอาชญากรรม เป็นของต้องห้าม
กล่าวเฉพาะเรื่องราวอันเกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมและการสลายการชุมนุมเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 เพิ่งผ่านมาเพียง 10 ปี
เรื่องนี้มิได้กระตุกสำนึกที่ต้องการ #ตามหาความจริง เฉพาะจากคนรุ่นใหม่ที่เรียกตนเองว่า “คณะก้าวหน้า”เท่านั้น
หากบรรดาประชาชนที่เข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ก็มีไม่น้อยกว่า “เรือนแสน” ไม่เพียงแต่ที่มีชีวิตอยู่ในกทม.หากแต่มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มาจากภาคเหนือ
องค์กรที่นำการต่อสู้อย่าง “นปช.” ก็ยังดำรงอยู่ มีประธานมีเลขาธิการที่แน่นอน ทั้งยังมีพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองที่สังกัดอยู่อย่างเด่นชัด
หากเพียงแต่ #ตามหาความจริง กลายเป็นความผิด กลายเป็นของต้องห้ามเสียแล้ว
แล้วการเคลื่อนไหวของ”นปช.”จะทำได้หรือไม่
บทบาทของ #ตามหาความจริง จึงเป็นบทบาทเดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในอดีต
ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ 2475 นานมาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ 2516 ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ 2519 ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ 2535
หากไม่สามารถรำลึก หากไม่สามารถเปิดปฏิบัติการ #ตามหาความจริงเสียแล้ว สำนึกในทางประวัติจะดำรงคงอยู่หรือไม่ ไม่ว่าในทางความคิด ไม่ว่าในทางการเมือง
คำถามนี้ละเอียดอ่อน คำถามนี้แหละคม
เป็นคำถามถึงรัฐบาล เป็นคำถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคำถามถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ