ไม่เพียงแต่การหลั่งน้ำตาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมากด้วยความอ่อนไหว

การเอ่ยถึงยึดทรัพย์ของ นายวิษณุ เครืองาม ก็ละเอียดอ่อน

“ทำได้ แต่ไม่ทราบจะไปทำอะไร ที่ไหน ที่หยุดไว้เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรที่ไหน”

นี่ย่อม “ต่าง” จากท่าทีเมื่อเดือนตุลาคม 2559

ตอนที่มีคำสั่งหัวหน้าคสช.ตามอำนาจของ”มาตรา 44″เพื่อกรุยทางไปสู่การอายัดและยึดทรัพย์

เหมือนกับว่าทำได้เลย ทำได้ทันที

จึงไม่เพียงแต่ ณ วันนี้ การอายัดและยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้นที่งันชะงัก

หากแม้ของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ก็ไม่คืบ

 

ถามว่าเหตุปัจจัยอันใด ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องหลั่งน้ำตาเนื่องในวาระวันเกิดปีที่ 50

คำตอบ คือ เพราะ “คดีความ”

และคดีความนั้นก็มิใช่อะไร หากแต่เนื่องจากโครงการจำนำข้าว

เป็นใครก็ “เสียว”

จากเดือนพฤษภาคม ใกล้ถึงเดือนกรกฎาคม และอาจไม่เกินเดือนกันยายน

แถลงไปจึงสะอื้นไป

เป็นการแถลงเนื่องในวาระวันเกิด ทั้งเป็นการแถลงบนภูเขาทองแห่งวัดสระเกศ

เหมือนกับฟ้อง”คนไทย” เหมือนกับฟ้อง”ชาวโลก”

 

คล้อยหลังแถลงพร้อมกับหยาดน้ำตาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บนยอดภูเขาทอง

ก็มีข่าวจาก”กระทรวงการคลัง”

เป็นข่าวการเคลื่อนไหวของบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยยื่นต่อป.ป.ช.

เหมือนกับเป็นการตระเตรียม”อายัด”และ”ยึด”

พลันที่ประโยค “ทำได้ แต่ไม่ทราบจะไปทำอะไร ที่ไหน ที่หยุดไว้เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรที่ไหน”

เหมือนกับเป็นการหยุดเรื่องอายัด เรื่องยึดทรัพย์

ทั้งๆที่เคยหมายมั่น ปั้นมือ ตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม 2559

 

 

ขอบคุณภาพประกอบ Charan Ampornklinkeaw

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน